สรุปงบ หุ้น CPALL ไตรมาส 1/2566
#ปัจจัยกดดันจากการซื้อธุรกิจใหม่
————————————————————————–
· Sale Revenue 215,895 +11.1% แบ่งตามประเภทของธุรกิจดังนี้
– ร้านสะดวกซื้อ 101,345 +15.6% (รวมรายการระหว่างกัน) และมี SSSG +8%
– Makro 65,594 +13.4%
– Lotus 53,774 +0.7%
– Others 14,629 +12.9%
· รายได้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว
· GP 46,912 +12.4%
· GPM 21.73% ดีขึ้นทั้งส่วนของ Makro และ 7-11
· SG&A 43,177 +12.4% เพิ่มขึ้นจากค่าไฟต่อหน่วยสูงขึ้นเป็นหลัก
· Financial Cost 4,407 +15.2% กดดันจากการกู้เงินซื้อธุรกิจ Lotus ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
· Net Profit 4,122 +19.4%
· EBT ร้านสะดวกซื้อฟื้นตัวเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
· EBT Makro 3.61% อยู่ในระดับค่าเฉลี่ย
· EBT Lotus 0.36% เป็นปัจจัยหลักที่กดดันกำไรภาพรวม
· รายละเอียดร้านสะดวกซื้อดังนี้
– สาขา ณ สิ้นไตรมาส 1 ที่ 14,047 สาขา และตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 700 สาขาในปีนี้เป็น 14,538
– รายได้เฉลี่ยต่อวัน 78,735
– รายได้ต่อคน 84 บาทต่อบิล
– เฉลี่ยลูกค้า 941 คนต่อวัน
————————————————————————–
สรุป
————————————————————————–
· การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และสาขาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดนี้เพิ่มรายได้ต่อสาขาเดิม
· ปริมาณนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสเข้ามาประเทศไทยสูงกว่าปีที่แล้ว จะเพิ่มยอดของร้านสะดวกซื้อ
· การเติบโตของยอดขายทาง Online ที่จะส่งฟรีเมื่อสั่ง 100 บาทขึ้นไป
· บริษัทตั้งเป้าไปขายสินค้าที่มีอัตรากำไรที่สูงขึ้นทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค
· ปัจจัยกดดันของบริษัทจะเกิดจากดอกเบี้ยของ Makro ที่ได้มาจาก Lotus และต้นทุนต่างจาก อัตรากำไรก่อนภาษีของ Lotus ต่ำถึง 0.3%
————————————————————————–
“การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน”
สรุปโดย ลงทุนกล้วยๆ


















