Forum
สวัสดีครับอาจารย์ ผมมะพร้าวรุ่น 25 นะครับ
มีคำถามเกี่ยวกับ mindset ครับ
คือเราประเมินมูลค่าหุ้นแล้วว่าราคานี้ถูกซื้อได้ ถือยาวได้ แต่ราคาร่วงมาเกือบๆ 50%(ยกตัวอย่างเช่นหุ้น Dhome)
ผมอยากรู้ว่า ตอนที่ราคาร่วงมาเยอะขนาดนี้ อาจารย์คิดว่าอาจารย์คิดผิดไหมครับ ?
ผมคิดว่าเราก็จะไปประเมินมูลค่าใหม่ หาข้อมูลให้มากพอ
แต่ในฐานะมือใหม่
จุดไหนที่เราจะมั่นใจว่าเราคิดถูก แล้วตลาดคิดผิดครับ?
เพราะถ้ามือใหม่แบบผมมั่นใจเกินไป ต่อให้หาข้อมูลมาเยอะ ก็อาจมีจุดที่มองพลาด พอซื้อเพิ่มก็กลายเป็นผิดทางแทนครับ
ขอบคุณมากเลยนะครับ
ปล. ผมคิดว่าช่วงนี้หุ้นถูก แล้วผมซื้อมาตลอดทาง แต่พอมีหุ้นให้ช้อบทุกเดือนไปเรื่อย ๆมาเป็นปีแล้ว ผมก็เริ่มเขวเหมือนกันครับ(อาจเพราะผมยังไม่เห็นภาพว่าเวลาขึ้นมันจะเป็นยังไง เพราะตลาดลงมาตลอดตั้งแต่เข้ามาเล่นครับ)
ปล. 2 อาจารย์สบายดีไหมครับ
สวัสดีครับอาจารย์ ผมมะพร้าวรุ่น 25 นะครับ
มีคำถามเกี่ยวกับ mindset ครับ
คือเราประเมินมูลค่าหุ้นแล้วว่าราคานี้ถูกซื้อได้ ถือยาวได้ แต่ราคาร่วงมาเกือบๆ 50%(ยกตัวอย่างเช่นหุ้น Dhome)
ผมอยากรู้ว่า ตอนที่ราคาร่วงมาเยอะขนาดนี้ อาจารย์คิดว่าอาจารย์คิดผิดไหมครับ ?
ผมคิดว่าเราก็จะไปประเมินมูลค่าใหม่ หาข้อมูลให้มากพอ
แต่ในฐานะมือใหม่
จุดไหนที่เราจะมั่นใจว่าเราคิดถูก แล้วตลาดคิดผิดครับ?
เพราะถ้ามือใหม่แบบผมมั่นใจเกินไป ต่อให้หาข้อมูลมาเยอะ ก็อาจมีจุดที่มองพลาด พอซื้อเพิ่มก็กลายเป็นผิดทางแทนครับ
ขอบคุณมากเลยนะครับ
ปล. ผมคิดว่าช่วงนี้หุ้นถูก แล้วผมซื้อมาตลอดทาง แต่พอมีหุ้นให้ช้อบทุกเดือนไปเรื่อย ๆมาเป็นปีแล้ว ผมก็เริ่มเขวเหมือนกันครับ(อาจเพราะผมยังไม่เห็นภาพว่าเวลาขึ้นมันจะเป็นยังไง เพราะตลาดลงมาตลอดตั้งแต่เข้ามาเล่นครับ)
ปล. 2 อาจารย์สบายดีไหมครับ
เป็นคำถามที่ดีนะครับมะพร้าว
เริ่มยังไงดีน้า
การลงทุนในหุ้น จริงๆถ้าเราเข้าใจ Cycle ของตลาดหุ้นว่ามีขึ้น มีลงเป็นเหมือนคลื่น
เราก็จะเข้าใจว่าบางครั้งตลาดก็กล้าบ้าบิ่น บางครั้งตลาดก็กลัวหัวหด
คำถามที่สำคัญคือ ซื้อตอนไหนดีที่สุด
แน่นอนว่าซื้อตอนที่ตลาดกลัวสุดๆย่อมดีที่สุด เพราะเราจะได้ราคาที่ปลอดภัยที่สุด
แต่พอเราถามต่อว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าตลาดจะกลัวที่สุดเมื่อไหร่
ข้อนี้แหละที่ตอบยากที่สุด เพราะแต่ละรอบมันไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่แล้วมันใช้ระยะเวลาประมาณ 10-12 ปี
ทีนี้รอบล่าสุดที่ตลาดกลัวมากๆคือตอนโควิดปี 2020 ซึ่งก็ผ่านมา 4-5 ปีเท่านั้นเอง
ทีนี้ถ้าเราเข้ามาในตลาดในช่วงปี 2022-2025 ซึ่งผ่านช่วงเวลาที่ตลาดกลัวที่สุดแค่ 2-5 ปี
คำถามคือ เราจะเข้าตลาดเลยดี หรือว่าจะรอวิกฤติรอบหน้าดีล่ะ
ถ้าเรารอวิกฤตรอบหน้า ทีนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ถ้า 10-12 ปี ก็แปลว่าเราต้องรออีก 5-10 ปี
ซึ่งปัญหาคือ ผลประกอบการของกิจการนั้นเติบโตเรื่อยๆ
การถือเงินรอแค่ 3 ปีโดยไม่ลงทุน ถ้ายังไม่เกิดวิกฤต เราก็ขาดทุนโอกาสเรียบร้อยแล้ว
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ในปี 2008 วิกฤตรอบที่แล้ว CPALL ราคา 2.50 บาท
ผ่านไปถึงปี 2019 ราคาขึ้นไปถึง 90 บาท ก่อนที่จะเจอโควิดราคาลงมาที่ 50 บาท
ซึ่งแปลว่าเราก็คุ้มอยู่ดีที่จะซื้อ cpall ในปีหลังจาก 2008 อยู่ 5-6 ปีเลย เราก็ยังไม่ขาดทุนเลย แถมได้ปันผลมาปีละ 2% อีกต่างหาก แบบนี้เป็นต้น
กลับมาที่สถานการณ์ช่วงปี 2022-2025 ในเมื่อเราไม่รู้ว่าวิกฤติรอบถัดไปจะเกิดเมื่อไหร่ ก็แปลว่าเราก็ควรต้องลงทุนถูกไหมครับ
คำถามสำคัญคือ "กลยุทธ์" ในการลงทุนควรเป็นยังไงมากกว่า ถ้าหากว่าเจอวิกฤติเร็วกว่า 10-12 ปี แบบปัจจุบันที่เกิดขึ้น
พี่คิดว่ามันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจตลาด ปรับตัวตามตลาดยังไงมากกว่า
เคส DOHOME ตัวพี่ก็ยอมรับว่าพี่เองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
แต่ด้วยความที่มีจังหวะให้ปรับพอร์ตตลอดเวลาที่ผ่านมาละกล้บมาซื้อหนักๆตอน 4.5 ปัจจุบัน ต้นทุน dohome พี่ก็อยู่แถวๆ 6 บาทกว่าเอง หรือติดลบสัก 20% +/- ซึ่งส่วนตัวคิดว่าก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก
คือการลงทุนหุ้น Growth เนี่ย มันต้อง Dynamic มากพอสมควรอ่ะ มันไม่เหมือนหุ้นปันผล, หุ้นแข็งแกร่ง ซึ่งถ้ามะพร้าวสังเกตจะเห็นว่าหุ้นแข็งแกร่ง หุ้นปันผลราคาตอนนี้ก็ไม่ได้ลบอะไรมากมายเลย ถ้าหักกับปันผลที่ได้มาก่อนแล้วก็แทบจะไม่ขาดทุนเลยด้วยซ้ำ
พี่คิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการลงทุนคือเราต้องเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน เราเองด้วยว่าเราเหมาะจะลงทุนหุ้นประเภทไหนอ่ะ
หุ้นแต่ละประเภทจะ require การทำงานของเราที่แตกต่างกัน หุ้น growth ก็จะต้องการเวลาจากเราค่อนข้างมากที่เราต้องเกาะติดสุดๆ และพร้อมจะเพิ่ม/ลด position ได้ตลอดเวลา ซึ่งนลท.เก่งๆทุกคนพี่ก็เห็นว่ามีการปรับพอร์ตกันตลอดเวลาแทบทุกคนนะ
ปล.2 สบายดีครับมะพร้าว ^ ^ ขอบคุณน้า
ขอบคุณมากเลยนะครับอาจารย์
ผมคิดว่าผมจะพยายามหาจุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเอง เพื่อให้เล่นหุ้นในมุมที่ถนัดครับ
ผมรู้สึกว่า สนุกจังเลยนะครับ ตลาดหุ้น เหมือนมันมีวิธีสำหรับคนที่สไตล์แตกต่างกันไป แล้วไม่มีผิดหรือถูกที่สุด
จะพยายามในเส้นทางนี้ต่อไปครับ : )
ขอบคุณมากเลยนะครับอาจารย์
ผมคิดว่าผมจะพยายามหาจุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเอง เพื่อให้เล่นหุ้นในมุมที่ถนัดครับ
ผมรู้สึกว่า สนุกจังเลยนะครับ ตลาดหุ้น เหมือนมันมีวิธีสำหรับคนที่สไตล์แตกต่างกันไป แล้วไม่มีผิดหรือถูกที่สุด
จะพยายามในเส้นทางนี้ต่อไปครับ : )
🙂 ใช่ครับมะพร้าว ตลาดหุ้นตอบโจทย์ได้ทุกคน แต่ก็ต้องอาศัยการทำงานที่เยอะมากพอที่จะทำให้เราได้รู้ว่ามันมีหลายสไตล์ และหาสไตล์ที่ใช่สำหรับเราจริงๆจนเจอครับ แล้วการลงทุนจะมีความสุข สนุกกันมันตลอดไปเลย