ความรู้การลงทุนในหุ้นฟรีคอร์สอบรมเรียนฟรี ลงทุนหุ้น VI

กรณีศึกษาจริง: ลงทุนหวังหุ้นปันผล 6% แต่ขาดทุน 50% | EP.165

กรณีศึกษาจริง ลงทุนหวังปันผล 6% แต่ ขาดทุน 50%

สำหรับนักลงทุนที่มองหา “Passive Income” หรือกระแสเงินสดจากหุ้นปันผล หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องราวที่น่าตกใจจากประสบการณ์จริงที่ อาจารย์ประพาส ได้นำมาเล่าให้ฟังจากเวที Thailand Earning Score ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยมีนักลงทุนท่านหนึ่งหวังหุ้นปันผล 6% แต่กลับขาดทุนจากราคาหุ้นมากถึง 50% เลยทีเดียว เคสนี้เป็นตัวอย่างที่ตอกย้ำถึง “กับดักหุ้นปันผล” ที่นักลงทุนจำนวนมากยังไม่ทันรู้ตัว คลิปนี้จาก เบิร์ด ช่องลงทุนกล้วยๆ จะพาคุณเจาะลึกถึงกับดักเหล่านี้ และวิธีเลือกหุ้นปันผลที่แท้จริง

การลงทุนในหุ้นปันผลกำลังเป็นที่สนใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่ถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุดในรอบ 17 ปี อย่างไรก็ตาม หากเราเลือกหุ้นผิดตัว หรือใช้กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ปัญหาหลายอย่าง เช่น ไม่กล้าถือยาว ซื้อๆ ขายๆ จนไม่ได้ถือ หรือแม้กระทั่งถือยาวแต่กลับขาดทุนหนัก และที่แย่กว่านั้นคือ เงินปันผลที่คาดหวังไว้กลับลดลงเกินครึ่ง

กับดักหุ้นปันผล ทำไม Yield สูง ถึงเสี่ยงขาดทุน

อาจารย์ประพาส ได้เกริ่นถึงกับดักสำคัญที่นักลงทุนมือใหม่มักเผชิญ นั่นคือ การเลือก “หุ้นไซเคิล” และการโฟกัสไปที่ “Dividend Yield สูง”

Dividend Yield คือ อัตราเปอร์เซ็นต์เงินปันผลที่เราได้รับ เช่น 7-10% ซึ่งดูน่าสนใจมากในตอนแรก นักลงทุนหลายคนคิดว่าการได้ปันผลสูงขนาดนี้จะทำให้ชีวิตสบาย เอาชนะเงินเฟ้อได้ง่ายๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจเผยวัฏจักรที่แท้จริงออกมา กลับพบว่าราคาหุ้นดิ่งลงกว่า 50% และเงินปันผลลดลงอย่างมาก

มีกรณีศึกษาจากนักลงทุนท่านหนึ่งที่ลงทุนในหุ้นหลายตัว ซึ่งทุกตัวที่ถือราคาหุ้นลดลงต่ำกว่า 50% ทั้งสิ้น ตัวอย่างที่ อาจารย์ประพาส ยกมาคือ Land and Houses (LH) และ Major Cineplex (MAJOR)

ปัญหาที่แท้จริงเกิดจากการที่เราเลือกหุ้นปันผลไม่ถูกประเภท หุ้นมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่ หุ้นปันผล, หุ้นเก็งกำไร, และหุ้นเติบโตระยะยาว หากเราต้องการกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ เราควรเลือก “หุ้นปันผล” ที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะ แต่กับดักมักจะเกิดเมื่อเราเลือก “หุ้นเก็งกำไร” ที่มีราคาถูกมากจนทำให้ Dividend Yield ดูสูง จึงทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นหุ้นปันผล ในทางกลับกัน หุ้นเติบโตมักจะจ่ายปันผลน้อยมากหรือไม่จ่ายเลย เพราะกำไรถูกนำไปลงทุนเพื่อการเติบโต

เจาะลึก 3 กรณีศึกษา หุ้นปันผลสูง ที่แฝง ความเสี่ยงขาดทุน

มาดูตัวอย่างหุ้นที่ดูเหมือนจะมีปันผลสูง แต่กลับไม่เหมาะกับการลงทุนแบบหวังปันผลเลย

1. Land and Houses (LH) หุ้นไซเคิล ในคราบ หุ้นปันผล

  • ธุรกิจ LH เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ รายได้ของธุรกิจนี้ผันผวนสูงตามภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ย
  • ความผันผวน ในช่วงเศรษฐกิจดี การขายก็ดี แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี เช่นเดียวกับปีปัจจุบัน การขายก็ไม่ดี นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ยอดผ่อนบ้านสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้คนตัดสินใจซื้อบ้านยากขึ้น และธนาคารระมัดระวังในการปล่อยกู้มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้บ้านขายได้ยาก และผู้ประกอบการก็ชะลอการเปิดโครงการใหม่ๆ ทำให้ผลประกอบการของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผันผวนอย่างมาก
  • ผลกระทบต่อปันผล ในอดีต LH จ่ายปันผลประมาณ 5-6% แต่ล่าสุดสูงถึง 8% อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของ LH ลดลงจาก 8-10 บาท เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว เหลือไม่ถึง 4 บาทในปัจจุบัน หรือลดลงกว่า 50% ที่สำคัญกว่านั้นคือ เงินปันผลต่อหุ้นลดลงอย่างมาก จาก 60 สตางค์ในปี 2565 เหลือเพียง 32 สตางค์ในปี 2567 หรือลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง หากเงินปันผลลดลงครึ่งหนึ่งในขณะที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ชีวิตหลังเกษียณของนักลงทุนจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก
  • สรุป LH เป็นหุ้นไซเคิลที่ชัดเจน และไม่เหมาะกับการลงทุนเพื่อปันผลที่สม่ำเสมอ

2. Major Cineplex (MAJOR) หุ้นปันผลเสี่ยง รายได้ผันผวน

  • ธุรกิจ MAJOR เป็นธุรกิจโรงภาพยนตร์ชั้นนำของประเทศ รายได้หลักมาจาก 3 ส่วน ได้แก่ ค่าตั๋วหนัง, ค่าขนมเครื่องดื่ม (เช่น ป๊อปคอร์น โค้ก) ซึ่งมีกำไรดีมากเนื่องจากมีการผูกขาด, และค่าโฆษณาในโรงภาพยนตร์
  • ความผันผวน รายได้ค่าตั๋วขึ้นอยู่กับความนิยมของภาพยนตร์ที่นำมาฉาย ซึ่งมีความผันผวนสูง เช่น ภาพยนตร์จาก Marvel ที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูง แต่หลังจบภาค End Game ก็เริ่มได้รับฟีดแบ็กไม่ดีและความนิยมลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ ธุรกิจโรงหนังยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายนอกที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น ช่วงโควิด-19 ที่ต้องปิดห้างสรรพสินค้าและสถานบันเทิง หรือเหตุการณ์ระดับประเทศที่ต้องงดกิจกรรมรื่นเริง
  • ผลกระทบต่อปันผล เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว MAJOR มี Yield ปันผลสูงถึง 8% แต่ราคาหุ้นกลับลดลงจาก 18-20 บาท เหลือ 8 บาท หรือลดลงกว่า 50% ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2563 MAJOR ได้ งดจ่ายเงินปันผล ไปเลย และเมื่อกลับมาจ่ายก็มีความผันผวนอย่างมาก จาก 1.60 บาทในปี 2564 เหลือ 25 สตางค์ในปี 2565 และ 20 สตางค์ในปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงการจ่ายเงินปันผลที่ไม่สม่ำเสมอ เหมือน “ลูกระนาด” หรือ “Roller Coaster”
  • สรุป MAJOR เป็นหุ้นไซเคิลที่มีความผันผวนสูงมาก และเดาแนวโน้มได้ยาก ทำให้ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการปันผลสม่ำเสมอ

3. Srisawad Corporation (SAWAD) กับดัก “ปันผลเป็นหุ้น” และ กระแสเงินสด ติดลบ

  • ธุรกิจ SAWAD เป็นธุรกิจการเงิน หรือสินเชื่อ ซึ่งมีผลประกอบการที่ขึ้นลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายและภาวะเศรษฐกิจเช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มธนาคาร
  • ความผันผวน ราคาหุ้นของ SAWAD ลดลงจาก 40-60 กว่าบาท เหลือ 26 บาท (หรือต่ำกว่า 25 บาทในวันปัจจุบัน) ซึ่งลดลงเกินครึ่ง
  • ผลกระทบต่อปันผลและกระแสเงินสด แม้จะดูเหมือนจ่ายปันผลสม่ำเสมอในช่วงแรก เช่น 1.80 บาทในปี 2563 และ 1.80 บาทในปี 2565 แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2566-2567) กลับจ่ายปันผลเป็น “หุ้น” แทนเงินสด
  • ปัญหาของการจ่ายปันผลเป็นหุ้น การจ่ายปันผลเป็นหุ้น แม้จะดูเหมือนได้หุ้นมาฟรีๆ แต่จริงๆ แล้วทำให้เกิด Dilution Effect คือ จำนวนหุ้นทั้งหมดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลง หากนักลงทุนต้องการเงินสดไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและต้องขายหุ้นที่ได้รับมา มูลค่าหุ้นที่เหลืออยู่ก็จะลดลงเรื่อยๆ จนปันผลที่ได้มาไม่สามารถนำไปใช้ทำอะไรได้
  • ปัญหากระแสเงินสด ธุรกิจการเงินมี “เงิน” เป็นสินค้า หากต้องการเติบโต ต้องปล่อยสินเชื่อ (เงินออก) จำนวนมาก แต่เก็บเงินคืนมาเป็นงวดเล็กๆ ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (CFO) มักติดลบ อาจารย์ประพาส ชี้ให้เห็นว่า หลายปีที่ผ่านมา กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ SAWAD ติดลบเป็นจำนวนมาก คำถามคือ หากธุรกิจหลักมีเงินออก แล้วบริษัทเอาเงินที่ไหนมาจ่ายปันผล? คำตอบคือ บริษัทมักจะกู้เงินเข้ามา แล้วนำเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น และอีกส่วนหนึ่งไปลงทุนต่อ การทำเช่นนี้ไม่ยั่งยืน และมีความเสี่ยงสูงในอนาคต หากเกิดหนี้เสียจำนวนมาก
  • สรุป SAWAD เป็นหุ้นไซเคิลที่หนักหน่วง และรูปแบบการจ่ายปันผลรวมถึงกระแสเงินสดบ่งชี้ว่าไม่เหมาะกับการเป็นหุ้นปันผลที่ดี

วิธีเลือก หุ้นปันผล สร้าง Passive Income

อาจารย์ประพาส ได้สรุปคุณสมบัติของหุ้นปันผลที่ดีไว้ 2 ข้อหลัก

  1. เงินปันผลต้องสม่ำเสมอ บริษัทต้องมีรายได้และกำไรที่สม่ำเสมอ ไม่ผันผวนเหมือนหุ้นไซเคิล
  2. เงินปันผลควรเพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อได้

ADVANC ตัวอย่าง หุ้นปันผล ชั้นดีที่จ่ายสม่ำเสมอ

อาจารย์ประพาส ได้ยกตัวอย่างหุ้น Advanced Info Service (ADVANC) เพื่อแสดงให้เห็นภาพของหุ้นปันผลที่มีคุณภาพสูง

  • ธุรกิจ ADVANC มีรายได้หลัก 2 ส่วนคือ ค่าบริการโทรศัพท์มือถือรายเดือน และค่าบริการอินเทอร์เน็ตบ้าน
  • กระแสรายได้ที่สม่ำเสมอ เนื่องจากผู้ใช้บริการต้องจ่ายค่าบริการทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้รายได้ของบริษัทมีความคงที่และคาดการณ์ได้สูง
  • ต้นทุนที่สม่ำเสมอ ต้นทุนหลักของ ADVANC เช่น ค่าสัมปทานคลื่นความถี่ (Fixed Cost ตลอดอายุสัญญา 15 ปี), ค่าบริหารจัดการ (สาขา พนักงาน), และค่าเสาสัญญาณ (ค่าเสื่อมราคา) ล้วนเป็น Fixed Cost ที่ไม่ผันผวนมากนัก
  • กำไรที่สม่ำเสมอและเติบโต เมื่อรายได้และต้นทุนมีความสม่ำเสมอ กำไรของบริษัทก็มีความสม่ำเสมอและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง งบการเงินแสดงให้เห็นถึงรายได้และกำไรที่เติบโตแข็งแกร่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
  • เงินปันผลที่สม่ำเสมอและเพิ่มขึ้น ADVANC มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงโควิด-19 เช่น ปี 2563 จ่ายปันผลรวม 6.92 บาท, ปี 2564 เพิ่มเป็น 7.69 บาท,ปี2565 7.69 บาท เท่าเดิม, ปี 2566 เพิ่มเป็น 8.61 บาท, ปี 2567 เพิ่มเป็น 10.61 บาท, ปี 2568 จ่ายปันผลครึ่งปีแรกไปแล้ว 6.89 บาท และยังคงทำ All Time High ต่อเนื่อง
  • กับดักของ Yield ที่ดูน้อย ในตอนแรก Dividend Yield ของ ADVANC อาจดูน้อยเพียง 3% ซึ่งเป็นกับดักที่ทำให้นักลงทุนหลายคนมองข้าม แต่หากนักลงทุนซื้อหุ้น ADVANC เมื่อปี 2564 ที่ราคา 230 บาท โดยได้ปันผล 3.3% ณ ตอนนั้น หากถือมาถึงปี 2567 ปันผลที่ได้รับ (10.61 บาท) หารด้วยราคาซื้อเดิม (230 บาท) จะคิดเป็น Dividend Yield on Cost สูงถึง 4.6% แล้ว และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5% ในปีหน้า เพราะบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลประมาณ 80% ของกำไร
  • สรุป ADVANC เป็นตัวอย่างของหุ้นปันผลที่ดีอย่างแท้จริง ซึ่งให้ปันผลสม่ำเสมอและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความแข็งแกร่งของธุรกิจ ตรงกันข้ามกับหุ้นอย่าง Land and Houses ที่ปันผลลดลงเหลือครึ่งหนึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน

บทสรุป Checklist เลือก หุ้นปันผล ฉบับ อ.ประพาส

อาจารย์ประพาส เน้นย้ำว่า การลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไร หรือการลงทุนระยะยาวเพื่อปันผล ล้วนต้องอาศัยความรู้และการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ดูตัวเลขปันผลสูงๆ แล้วตัดสินใจ การเลือกหุ้นปันผลที่ดีนั้น ต้องวิเคราะห์ธุรกิจอย่างละเอียด ว่ามีกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอหรือไม่

ช่องลงทุนกล้วยๆ โดย อาจารย์ประพาส มีคอร์สการลงทุนหุ้นปันผลที่ดี ที่จะช่วยให้คุณมี Checklist ในการเลือกคุณภาพหุ้นและวิเคราะห์งบการเงิน เพื่อให้ได้หุ้นที่ดีในราคาที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงกับดักต่างๆ

การลงทุนที่ชาญฉลาด ต้องมาพร้อมกับการศึกษาและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อแผนการเงินในระยะยาวของคุณ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Protected by CleanTalk Anti-Spam