4 วันเรียนเข้มข้น + 1 วันตรวจการบ้าน + 2 เดือนคัดหุ้นนางฟ้า
สัมภาษณ์ความรู้สึกของลูกศิษย์รุ่น 0
สัมภาษณ์ความรู้สึกของลูกศิษย์รุ่น 13
รุ่น 50 : วันที่ 9-10, 23-24 พฤศจิกายน 2567 (9:00น. - 17:00น.)
28 พฤศจิกายน 2567 Live ตรวจการบ้านผ่าน ZOOM (18:30น.-22:00น.) (9 ที่นั่งสุดท้าย)
รุ่น 51 : วันที่ 7-8, 21-22 ธันวาคม 2567 (9:00น. - 17:00น.)
26 ธันวาคม 2567 Live ตรวจการบ้านผ่าน ZOOM (18:30น.-22:00น.) (17 ที่นั่งสุดท้าย)
รุ่น 52 : วันที่ 11-12, 18-19 มกราคม 2568 (9:00น. - 17:00น.)
23 มกราคม 2568 Live ตรวจการบ้านผ่าน ZOOM (18:30น.-22:00น.) (20 ที่นั่งสุดท้าย)
จากราคา 44,900 บาท ลดเหลือ 36,500 บาท
จองล่วงหน้า Early Bird - 27,000 บาท ลด 40%
(เมื่อชำระเงินภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2024!)
จากประสบการณ์ที่ผมลงทุนมากว่า 12 ปี อ่านหนังสือการลงทุนมามากกว่า 100 เล่ม แกะงบการเงินบริษัทมามากกว่า 500 บริษัทในตลาดหุ้นไทย ติดตามงบการเงิน "ทุกไตรมาส" มากกว่า 100 บริษัท จนถึงปัจจุบัน และสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยมากกว่า 30% ต่อปีให้กับตนเอง
ผมจึงมีความเชื่อว่า การลงทุนให้ประสบความสำเร็จ จริงๆแล้วเป็นเรื่อง "เรียบง่าย"
แต่ผมก็มักจะมีเพื่อนๆคนใกล้ชิด ที่มาปรึกษาเรื่องการลงทุนกับผม พบว่า "ส่วนใหญ่" ประสบภาวะขาดทุนจากตลาดหุ้น
ด้วยความสงสัย ผมจึงทำการ Survey ใน Starbucks ทั้งหมด 20 คน เพื่อพิสูจน์ว่า แล้วคนอื่นๆ "ผลตอบแทน เป็นอย่างไร?
สิ่งที่พบคือ 100% ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เคยลงทุน แต่ไม่พอใจในผลตอบแทนของตนเอง" (ผมไม่กล้าเสียมารยาทถามว่า กำไร หรือขาดทุน จึงถามได้แค่นี้ ยกเว้นคนที่บอกออกมาเองว่าขาดทุน)
แต่ผมก็ถามต่อว่า แล้วคิดว่าสาเหตุ "เป็นเพราะอะไร"
ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "การลงทุนมันยาก"
หลายคนในที่นั้น มีทั้งคนที่ศึกษาเอง และไปเข้าคอร์สการลงทุนมาด้วย
เมื่อผมถามว่า แล้วคิดว่าทำไมไปเข้าคอร์ส แล้วก็ยังไม่พอใจในผลตอบแทนตนเอง?
คำตอบที่ได้ ก็เป็นคำตอบเดิมคือ "ยาก"
บางคนที่ผมได้คุยด้วย เอาเงินเก็บที่หามาอย่างยากลำบากจากการทำงาน ทำธุรกิจ ด้วยความหวังว่า อยากจะมีอิสรภาพทางการเงิน หรืออย่างน้อยก็สร้างผลตอบแทนให้มากขึ้น
แต่ส่วนใหญ่ที่เจอ กลับต้องประสบภาวะขาดทุน หรือไม่ได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง และทุกครั้งที่จะต้องซื้อ หรือขายหุ้น ก็ยังเกิดความสับสนทุกครั้ง ไม่แน่ใจว่า ทั้ง "วิธีคิด" และ "วิธีการ" ที่ใช้อยู่ ถูกต้องหรือไม่? หนักกว่านั้น บางคนก็ลงทุนโดยขาดความเข้าใจ ใช้อารมณ์ในการซื้อขายหุ้นล้วนๆ
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นที่มาที่ทำให้ผมอยากเปิดเพจที่ชื่อ "ลงทุนกล้วยๆ" ขึ้นมา เพื่อที่จะถ่ายทอดวิธีการลงทุนแบบง่ายๆ สไตล์ VI แต่สามารถทำผลตอบแทนได้อย่าง สมเหตุสมผล (อย่างน้อย 10%) โดยลดความเสี่ยงให้เหลือใกล้เคียง 0 ที่สุด
เพราะทุกวิธีที่เราจะถ่ายทอด จะเป็นวิธีที่ปลอดภัย เรียบง่าย แต่ใช้ได้ผลจริง
– ประพาส บุญชื่น (ผู้สอน)
เมื่อเป้าหมายไม่ชัด หรือไม่สมเหตุสมผล เราก็จะมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ และการมีอารมณ์เหนือเหตุผลนั่นเอง ที่มักจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราขาดทุน
ในคอร์สขั้นตอนแรก เราจะให้ทุกท่านวางเป้าหมายใหม่อีกครั้ง ซึ่งในความเห็นของผม เป้าหมายแรกทางการเงินที่ทุกคนควรตั้งเป้าคือ "การมีอิสระภาพทางการเงิน"
บางคนลงทุนโดยไม่รู้ว่าหุ้นที่ตัวเองถือทำอะไร บางคนฟัง Oppday, ผู้บริหาร หรือนักวิเคราะห์ เชียร์ 2-3 คลิป ก็ตัดสินใจซื้อหุ้นแล้ว จริงๆแล้วการวิเคราะห์ธุรกิจ จำเป็นต้องมีความเข้าใจในหลายๆศาสตร์มากๆ ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์บริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ การติดตามข่าวสาร และสถานการณ์ด้านต่างๆ
แต่เพื่อให้ทุกคนแม้ว่าไม่เคยทำธุรกิจก็สามารถวิเคราะห์คุณภาพธุรกิจได้อย่างรอบด้าน ผมได้ออกแบบเครื่องมือ ที่จะทำให้ทุกท่านสามารถตรวจสอบธุรกิจที่ตัวเองกำลังจะลงทุนได้อย่างง่ายได้
และจะสอนให้ทุกท่านเข้าใจเครื่องมือนี้อย่างลึกซึ้ง รวมถึงใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อคุณจะได้เลือกหุ้นที่คุณภาพดีไปได้ตลอด โดยไม่ต้องหวาดระแวงทุกวันว่า ธุรกิจที่เราลงทุน จะเพลี่ยงพล้ำไปวันไหน
หุ้นมี 6 ประเภทใหญ่ๆ (ตามสไตล์ Peter Lynch)
1. หุ้นอิ่มตัว (เน้นปันผล)
2. หุ้นแข็งแกร่ง (เน้นปลอดภัย และเติบโตระดับหนึ่ง)
3. หุ้นเติบโต (เน้นพอร์ตโตเร็ว แต่ความเสี่ยงสูง ต้องทำการบ้านหนัก)
4. หุ้นวัฏจักร (เติบโต หรือถดถอย ขึ้นลงเป็นรอบ)
5. หุ้นสินทรัพย์แฝง Asset play (ตัวหุ้นแอบซ่อนมูลค่ามหาศาลที่มากกว่าตัวกิจการหลัก เน้นปลอดภัย และถือยาวมาก)
6. หุ้นคืนชีพ ฟื้นตัว (เน้นพอร์ตโตเร็ว แต่ความเสี่ยงสูง ต้องทำการบ้านหนักเช่นกัน)
ข้อผิดพลาดที่มักพบ เช่น อยากได้ปันผล แต่ดันลงทุนในหุ้นวัฏจักร ซึ่งไม่ได้เข้าใจว่า % ปันผลที่เห็นว่าเยอะนั้น มันจะลดลงได้อย่างรวดเร็ว ถ้ามันกำลังอยู่ในวัฏจักรขาลง ซึ่งสุดท้าย ทำให้ ขาดทุนราคาอย่างหนัก แถมปันผลก็ได้น้อยกว่าที่คาดหวังด้วย
หรือบางคน บอกอยากให้พอร์ตเติบโตเร็วๆ แต่ไปซื้อหุ้นแข็งแกร่ง ที่โตช้าแล้ว (เพราะธุรกิจใหญ่มากแล้ว) แถมยังไปซื้อราคาแพง บางคนถือหุ้นดังๆระดับประเทศมาหลายปี แต่ผลตอบแทนเฉลี่ยได้เพียง 2-3% ต่อปี ก็มี (รวมปันผลแล้ว)
หากคุณเข้าใจเรื่องนี้หุ้น 6 ประเภทนี้ และทำการเลือกหุ้นให้เหมาะกับ ผลตอบแทนที่ตนเองคาดหวัง เวลา และความรู้ ของตนเอง คุณจะไม่มีวันขาดทุนอีกเลย และจะมีความสุขกับการลงทุนในหุ้นมาก
อ่าน 56-1 ไม่เป็น หรือไม่คิดจะอ่าน
ถ้าเราเชื่อว่าการลงทุนในหุ้น คือการลงทุนในการกิจการที่ดี
และการที่เราจะลงทุนในกิจการที่ดีได้ ต้องเริ่มจากการที่เราเข้าใจในกิจการนั้นอย่างดีก่อน
ไฟล์ 56-1 เป็นเอกสารที่ละเอียดที่สุด ที่ช่วยให้เราเข้าใจกิจการที่เราลงทุนเป็นอย่างดี
แต่ผมเข้าใจดีว่า 56-1 น่าจะเป็นยาขมที่สุด สำหรับนักลงทุนหลายๆท่าน เพราะมันทั้งหนา และก็อ่านยากมากๆ และเราไม่รู้ว่าตรงไหนสำคัญที่สุดควรจะเน้น ตรงไหนสำคัญน้อยกว่า ไว้เก็บรายละเอียดทีหลังได้ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่ เกิดความท้อแท้ในการอ่าน 56-1 จนล้มเลิกไป
จากประสบการณ์ที่ผมอ่าน 56-1 อย่างละเอียดมามากกว่า 500 บริษัท ใน 12 ปีที่ผ่านมา
ผมจะสอนเคล็ดลับพิเศษในการ อ่าน 56-1 เช่น
1. เทคนิคการอ่าน 56-1 ให้จบภายใน 5 นาที
2. เทคนิคการอ่าน 56-1 แบบเจาะลึก 5 รอบ โดยที่แต่ละรอบเจาะเนื้อหาคนละส่วน
เทคนิคเหล่านี้จะทำให้คุณเห็นภาพใหญ่ของบริษัทที่จะลงทุน ใช้เวลาน้อย ทำให้คุณมีกำลังใจ และสนุกกับการลงทุน แม้ว่าคุณไม่เคยลงทุนเลยก็ทำได้!!
" ไม่มีนักลงทุนวีไอที่ประสบความสำเร็จ ที่อ่านงบการเงินไม่เป็น "
ประโยคข้างต้น คือข้อสรุปสั้นๆว่า ทำไมคุณจึงต้องอ่านงบการเงินให้เป็น
ทุกครั้งที่เราวิเคราะห์ธุรกิจที่กำลังจะลงทุน หรือที่เรียกว่าการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ เราจะทราบได้อย่างไรว่า สิ่งที่เราวิเคราะห์นั้น ถูกต้องหรือไม่?
หนึ่งในคำตอบที่เป็นรูปธรรมที่สุด ก็คือ งบการเงิน
เพราะงบการเงินได้สะท้อนการดำเนินงานของบริษัทออกมาอย่างเป็นตัวเลข
ผมเข้าใจดีว่า การอ่านงบการเงิน ก็เป็นยาขมอีกตัวหนึ่งของนักลงทุนส่วนใหญ่
สาเหตุหลักๆที่ผมพบคือ คนที่ศึกษางบการเงินส่วนใหญ่ จะใช้วิธีท่องจำ ที่ละบรรทัด
แต่ในคอร์สนี้ ผมจะสอนทุกท่าน ให้เน้นความเข้าใจ
โดยอธิบายเรื่องงบการเงิน ให้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่างๆในธุรกิจ และมี Workshop ให้คุณทำ เพื่อตอกย้ำความเข้าใจ
แนวคิดการลงทุนแบบ VI นั้น "เรียบง่ายมาก"
นั่นก็คือการซื้อ ธนบัตร 1,000 บาท ที่ราคาไม่เกิน 700 บาท ให้ได้
แต่ความเรียบง่ายนั้น ก็ไม่เคยง่าย สำหรับคนที่ประเมินมูลค่าหุ้นไม่เป็น
ไม่รู้ว่าหุ้นที่เราถือ ราคา 1,000 บาท จริงๆหรือเปล่า
ทำให้ซื้อหุ้นที่ราคาทั่วไป หรือซื้อแพง
เป็นเหตุให้ขาดทุนอย่างหนัก หรือได้ผลตอบแทนน้อยมาก
บางคนคิดว่าตนเอง ซื้อธนบัตร 1,000 บาท ที่ราคา 700 บาท
แต่ผ่านไปไม่นาน กลับพบว่า จริงๆแล้ว ธนบัตรที่เราซื้อมา ราคา 300 บาทต่างหาก กว่าจะรู้ตัว ราคาก็ร่วงลงไป จนขาดทุน มากกว่า 50%-80% ก็มีให้เห็นกันบ่อยๆ
ถ้าคุณประเมินมูลค่าหุ้นเป็น และคุณรู้ว่าจะซื้อหุ้นที่เราสนใจที่ราคาเท่าไหร่ ที่มีส่วนเผื่อความปลอดภัย (MOS) อย่างน้อย 30% ก็เท่ากับเราลดโอกาสขาดทุนไปมากแล้ว ยิ่งเราเลือกหุ้นที่มีคุณภาพดีประกอบด้วย เรียกได้ว่า "ปิดประตูขาดทุน" ได้เลย
และการที่เรา "ปิดประตูขาดทุน" นี่แหล่ะครับ เป็นหัวใจที่ทำให้ VI ได้ผลตอบแทนกันเป็นหลายๆเด้ง
ต่อให้เราติดตามหุ้น 1 ตัวอย่างใกล้ชิด จนเรียกได้ว่า รู้ลึก เท่ากับผู้บริหารธุรกิจนั้นเลย
และต่อให้หุ้นนั้นแข็งแกร่งที่สุดในประเทศ
แต่คุณเชื่อไหมครับ
เราก็ยังมีโอกาสขาดทุน ถ้าหากเราไม่กระจายความเสี่ยง!
เพราะอะไร?
เพราะเราไม่มีคาดเดาปัจจัยภายนอก ที่จะมากระทบหุ้นที่เราถือได้อย่างแม่นยำ
เราไม่มีทางทราบว่า จะมีปัจจัยภายนอกอะไรบ้างที่จะเข้ามากระทบอย่างหนัก (เหมือนที่เราเจอกันในปี 2020 นี้)
ดังนั้น วิธีที่จะทำให้เราปิดโอกาสขาดทุนได้อย่างแท้จริง (และยังสร้างผลตอบแทนที่ดีด้วย)
นั่นก็คือ การกระจายความเสี่ยง โดยถือหุ้นในพอร์ตประมาณ 5-10 ตัว
นอกจากจะลดความเสี่ยงให้ต่ำสุดๆ และเพิ่มผลตอบแทนเฉลี่ยได้ดีแล้ว
การที่เราศึกษาหุ้นหลายๆตัว ยังทำให้เรามีโอกาสซื้อหุ้นในราคาที่ถูกได้ทุกปีด้วย
(บางท่าน รู้จักหุ้นเป็นอย่างดีอยู่แค่ 2-3 ตัวทั้งตลาด รอ 5 ปี ราคายังไม่เคยลงมาให้ซื้อได้ สุดท้ายอดใจไม่ไหว ซื้อตอนราคาแพง ทำให้ขาดทุน หรือได้ผลตอบแทนน้อย)
ก่อนจบคอร์ส ผมจะตรวจการบ้านของทุกคน เป็นรายบุคคล
ว่าหุ้น 5-10 ตัวในพอร์ต (หรือใน Excel สำหรับหุ้นที่ราคายังไม่ลงมาถึงราคาเป้าหมาย) ของคุณผ่าน Checklist คุณภาพหุ้นหรือไม่
และที่สำคัญคือ สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนของคุณหรือไม่?
และผลตอบแทนที่คุณน่าจะได้รับ จะสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนของคุณหรือไม่?
และมีจุดไหนที่คุณต้องระวัง และไปทำการบ้านเพิ่ม และมาพูดคุยกันต่อ (อีก 2 เดือน)
ซึ่งเป็นวิธีที่พิสูจน์มากว่า 100 ปี ว่าได้ผลดีและปลอดภัยในการลงทุนที่สุด
เพราะคุณจะมีเข็มทิศ และเครื่องมือ (Checklist และไฟล์ Excel) ที่จะเป็นเหมือนเข็มขัดนิรัดภัยให้คุณทุกครั้งที่จะซื้อ หรือขายหุ้น ให้ปลอดภัย และทำกำไรได้จริง
ผมการันตีว่า หุ้นดี และถูก มีให้ซื้อทุกปี แต่เหตุผลที่คนส่วนใหญ่หาไม่เจอเพราะ รู้จักหุ้นน้อยตัวเกินไป, ไม่ได้เกาะติดหุ้นอย่างละเอียด และนานพอ, และสุดท้ายไม่ได้ประเมินมูลค่า และติดตามราคาอย่างต่อเนื่อง (อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็พอ ใช้เวลา 3 นาที)
เราจะสอนวิธีที่เรียบง่าย ทำตามได้ง่าย ได้ผล แม่นยำ คุณจะซื้อหุ้นถูก ง่ายเหมือนช็อปปิ้งออนไลน์
ถ้าคุณเลือกหุ้นที่ดี มีอนาคต และซื้อในราคาที่มีส่วนเผื่อความปลอดภัยอย่างน้อย 30% เสมอ (ย้ำว่าเสมอ!!) และยังกระจายความเสี่ยงมากพอ (แต่ไม่มากเกินไปจนดูแลไม่ไหว) ผลลัพธ์คือคุณจะไม่มีวันติดดอยอีกเลย
อาการกลัวตกรถ ส่วนใหญ่เกิดจาก เราไม่รู้ว่าราคาที่หล่นลงมา ต่ำที่สุดหรือยัง? และคุณภาพธุรกิจนี้มันจะแย่ลงอีกไหม? ซึ่งถ้าเพียงแต่เราเข้าใจคุณภาพของหุ้นที่เราสนใจมากพอ และรักษากฎเหล็กเรื่อง ส่วนเผื่อความปลอดภัย 30% จากราคาเหมาะสม เราจะไม่มีคำว่า กลัวตกรถ เพราะเรายึดมั่นกับเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์
เข้าใจวิธีลงทุนให้กำไรต่อเนื่อง (อย่างน้อย 10% ต่อปี หรือมากกว่านั้น) ใช้เวลาน้อย และที่สำคัญ ความเสี่ยงเข้าใกล้ 0
เพราะแต่ละคนเป้าหมายทางการเงินไม่เหมือนกัน เราไม่เปรียบเทียบกับใคร แต่เราจะต้องตอบให้ได้ว่า แผนเกษียณของเราหน้าตาเป็นอย่างไร และกลยุทธ์ที่จะไปถึง ต้องทำอย่างไร (ซื้อหุ้นประเภทไหน, คาดหวังปันผลเท่าไหร่, ใช้เวลากี่ปี ฯลฯ)
พอกันที บริษัทที่ "เหมือนจะแข็งแกร่ง" ซื้อปุ๊บ ราคาร่วงปั๊บ และหลายครั้งก็ไม่เคยกลับขึ้นมาอีกเลย (เรียกอาการนี้ว่า "ติดดอย")
ไม่ใช่อ่านกัน 5 เดือน แบบอ่านปกติ เน้นจุดที่สำคัญเป็นหลัก
เพื่อคอนเฟิร์มว่าหุ้นที่เราสนใจ "แข็งแกร่งจริง" หรือ "โตจริง" อย่างที่เราคิดหรือเปล่า?
เมื่อเรียนจบวันนี้ คุณจะเข้าใจว่าทำไม...? การลงทุนจึงจำเป็นสำหรับทุกคน
และทำไม...? การไม่ขาดทุนในการลงทุนแม้แต่ปีเดียว เป็นกฎเหล็กข้อแรกที่สำคัญที่สุด
และคุณจะเข้าใจประเภทของหุ้นชัดๆ 6 ประเภท และพอร์ตของคุณ ควรมีหุ้นประเภทไหนบ้าง และมีกี่ตัว?
และเรียนรู้การอ่าน 56-1 อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณเข้าใจหุ้นได้เร็ว และลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
เมื่อจบวันนี้ เปรียบเสมือนคุณจบคลาส Mini MBA แบบย่อๆ
จะทำให้คุณวิเคราะห์ธุรกิจได้อย่างรอบด้าน ลดปัญหาการมโน หรือคิดไปเองว่า หุ้นตัวนั้นดี ตัวนี้ไม่ดี
คุณจะวิเคราะห์คุณภาพของหุ้นด้วยตัวเองได้ และจะรู้ว่า ทุกคำถามสำคัญ จะต้องหาคำตอบอย่างไร และที่ไหน
เมื่อจบวันนี้ คุณจะเก่งมากขึ้นในการหาจุดอ่อนของธุรกิจที่กำลังจะลงทุน
และจะทำให้คุณหาหุ้นที่จะลงทุนยากมากขึ้น
แต่ขณะเดียวกัน ก็มีข้อดีคือ จะทำให้คุณมีหุ้นที่แข็งแกร่งอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆใน Watchlist ของคุณมากขึ้น
มาตรฐานในการเลือกหุ้นของคุณจะสูงขึ้น ทำให้โอกาสที่คุณจะขาดทุนจากตลาดหุ้นลดลง และเพิ่มผลตอบแทนให้คุณได้มากขึ้น
เรียนจบวันนี้ คุณจะเข้าใจพื้นฐานเรื่องงบการเงินทั้ง 3 รูปแบบ เข้าใจที่มาที่ไปของงบการเงินผ่านตัวอย่างธุรกิจจริง ไม่ใช่การท่องจำ
และจะทำให้คุณอ่านงบการเงินในตลาดหุ้นอย่างง่ายเป็น เพิ่มความแน่นอน เพิ่มความมั่นใจ และผลตอบแทนให้มากขึ้น
เมื่อจบวันนี้ คุณจะเข้าใจอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญต่างๆทั้งหมด
และสามารถนำความรู้นี้ ไปสแกนหุ้นที่กำลังจะลงทุนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น
เพื่อให้กรองหุ้นที่คุณภาพดี เติบโตยั่งยืน มีความเสี่ยงต่ำ ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอกได้ดี
ลดโอกาสขาดทุน เพิ่มผลตอบแทน เพิ่มความสบายใจ
เรียนจบวันนี้ ประเมินมูลค่าเป็นแน่นอน! คุณจะเกิดความมั่นใจว่าจะซื้อหุ้นนี้ที่ราคาเท่าไหร่ดี
ทำให้คุณไม่ต้องกังวลกับราคาที่ขึ้นๆลงๆ และการซื้อๆขายๆแบบสะเปะสะปะอีกต่อไป
เรียนรู้แนวคิด และวิธีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อลดโอกาสขาดทุนของคุณให้ใกล้เคียง 0 ที่สุด แถมยังเพิ่มผลตอบแทนอีกด้วย
เมื่อจบวันนี้ คุณจะได้ Roadmap การลงทุนของตัวคุณเอง ที่เหมาะกับความรู้ความเข้าใจ เวลาในการศึกษา และผลตอบแทนที่คุณคาดหวัง
คุณจะมีหุ้นใน Watchlist ของคุณ 5-10 ตัว พร้อมราคาเป้าหมายที่มีส่วนเผื่อความปลอดภัย (MOS) อย่างน้อย 30%
และคุณจะได้เปรียบเทียบแนวคิดของคุณ กับแนวคิดพอร์ตการลงทุนของเพื่อนๆในคลาสอีกด้วย
ผมเชื่อว่า เราไม่สามารถหาโอกาสที่จะได้เรียนรู้ในลักษณะนี้จากที่อื่นได้ง่ายๆ
นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ที่เราอยากให้เกิดขึ้นในคอร์สนี้ครับ ^^
สำหรับใครที่มีคำถามส่วนตัวด้านการลงทุน อยากสอบถามวิทยากร เรามี Forum (กระทู้) ออนไลน์ เพื่อให้ทุกท่านสามารถไปทิ้งคำถามไว้ได้ทุกเมื่อ และสามารถไปไล่อ่านย้อนหลังคำถามที่น่าสนใจของเพื่อนๆได้ด้วยเช่นกัน
เยี่ยมชมกิจการ (Company Visit) MEGA WE CARE หุ้นเติบโตที่น่าจับตามอง
อัพเดตมุมมองการเงินของโลก ที่งาน Asian Financial Forum (AFF) ที่ฮ่องกง เป็นงานที่ผูนำทางการเงินระดับโลกมาบรรยายแนวโน้มการเงิน และเศรษฐกิจในปีนั้นๆ (เช่น CEO VISA, Master Card, AMEX, World Bank, FED เป็นต้น)
งานอดิเรกนอกจากการลงทุนของผมคือการเล่นหมากล้อม ผมใช้เวลาฝึกฝนโกะเพียงไม่กี่ปีก็พบว่า โกะช่วยขัดเกลาชีวิตการลงทุนของผม ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างมาก
ได้รับเกียรติเลื่อนขั้นหมากล้อมโดยคุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมกีฬาหมากล้อมแห่งประเทศไทย และเป็นประธานสมาคมหมากล้อมจีนโลก
ผมตัดสินใจลงแข่งขัน GO International Championship 2019 เพราะเชื่อว่าการแข่งขัน จะทำให้เราพัฒนาได้เร็ว เพิ่มความท้าทายให้ชีวิต และฝึกความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา (ผมลงเอยด้วยการได้อันดับ 3 รองจากแชมป์ชาวสิงคโปร์ และรองแชมป์จากเกาหลี)
โกะ นอกจากจะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพในการลงทุนหุ้นให้กับผมแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ผมเอาไว้ใช้เวลาร่วมกับลูกสาวอีกด้วย ใครมีลูกมีหลานผมแนะนำนะครับ ช่วยพัฒนาสมองทั้งสองฝั่งได้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ ^^
ผมขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจส่งต่อธุรกิจให้ภรรยา วางมือจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา เพราะสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้มาคือ "ความสามารถในการบริหารพอร์ตเวลาของตนเอง" ได้ดียิ่งขึ้น
จากเดิมตอนทำธุรกิจ ตลอด 8-9 ปีนั้น ผมแทบไม่มีเวลาให้ลูกสาวเลย
แต่ตอนนี้ผมมีเวลาให้เค้าอย่างเต็มที่ นี่เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ที่อะไรก็แลกไม่ได้
ทุกท่านสามารถประสบความสำเร็จจากตลาดหุ้นได้แน่นอนครับ ^^
รุ่น 50 : วันที่ 9-10, 23-24 พฤศจิกายน 2567 (9:00น. - 17:00น.)
28 พฤศจิกายน 2567 Live ตรวจการบ้านผ่าน ZOOM (18:30น.-22:00น.) (9 ที่นั่งสุดท้าย)
รุ่น 51 : วันที่ 7-8, 21-22 ธันวาคม 2567 (9:00น. - 17:00น.)
26 ธันวาคม 2567 Live ตรวจการบ้านผ่าน ZOOM (18:30น.-22:00น.) (17 ที่นั่งสุดท้าย)
รุ่น 52 : วันที่ 11-12, 18-19 มกราคม 2568 (9:00น. - 17:00น.)
23 มกราคม 2568 Live ตรวจการบ้านผ่าน ZOOM (18:30น.-22:00น.) (20 ที่นั่งสุดท้าย)
จากราคา 44,900 บาท ลดเหลือ 36,500 บาท
จองล่วงหน้า Early Bird - 27,000 บาท ลด 40%
(เมื่อชำระเงินภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2024!)
Copyright 2020 by ลงทุนกล้วยๆ - Bananas Investment