Hot Topic! ด่วน กนง. ประกาศตรึงดอกเบี้ย! หุ้น Non-Bank น่ารับ หรือน่าหนี? | Hot Topic! EP.25
ด่วน กนง. ประกาศตรึง ดอกเบี้ย! หุ้น Non-Bank น่ารับ หรือน่าหนี?
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ซึ่งแม้จะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในการแถลงการณ์ครั้งนี้คือ “การคาดการณ์เศรษฐกิจ” ที่ส่งสัญญาณน่าเป็นห่วงสำหรับอนาคตของประเทศไทย
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกการวิเคราะห์จาก อาจารย์ประพาส และ เบิร์ด จากช่องลงทุนกล้วยๆ ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงและโอกาสที่ซ่อนอยู่ในตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยอาจจะ “เผาจริง” อย่างที่หลายคนกังวล
ผลประชุม กนง. ล่าสุด และเหตุผลที่ “คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย“
หัวใจของผลประชุม กนง. ล่าสุด คือการ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ด้วยมติ 5 ต่อ 2 เสียง (โดย 2 เสียงเสนอให้ลด)
อาจารย์ประพาส อธิบายว่าเหตุผลหลักที่ กนง. เลือกที่จะไม่ลดดอกเบี้ยลงไปอีก เป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยของไทยยังคงอยู่ในโซนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ
วิเคราะห์ผลกระทบต่อตลาดหุ้น หลัง กนง. คงดอกเบี้ย
หลังการแถลงข่าว หุ้นในกลุ่ม Non-Bank ปรับตัวลงทั้งแผง แต่เฉลี่ยเพียงประมาณ 1% เท่านั้น (เช่น MC, ติดล้อ) อาจารย์ประพาส วิเคราะห์ว่ามี 3 เหตุผลหลักที่ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ลงไม่มาก
- ผิดหวังเล็กน้อย นักลงทุนอาจคาดหวังการลดดอกเบี้ยเพื่อเพิ่มประโยชน์ให้บริษัท
- ราคาหุ้นไม่แพง ราคาหุ้นกลุ่ม Non-Bank โดยรวมไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงเกินไป ทำให้การปรับตัวลงรุนแรงเป็นไปได้ยาก
- ต้นทุนไม่เพิ่ม การ “คงดอกเบี้ย” หมายความว่าต้นทุนของกลุ่ม Non-Bank ไม่ได้เพิ่มขึ้น และรายได้ก็ไม่ได้ลดลง ผลประกอบการจึงยังดีเหมือนเดิม
ดังนั้น การที่หุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงไม่มากจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ภาพรวมเศรษฐกิจไทย GDPปีนี้ดูดี แต่ปีหน้าส่อแวววิกฤต
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP Growth Rate) ของแบงก์ชาติ ซึ่งเผยให้เห็นภาพที่น่าเป็นห่วงสำหรับปีหน้า
- GDP ปีนี้ คาดการณ์ขยายตัว +2.2%
- คาดการณ์ GDP ปีหน้า ขยายตัวเพียง +1.6%
ตัวเลข 1.6% ที่ลดลงอย่างน่าใจหายนี้ ทำให้อาจารย์ประพาสมองว่า “แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้าอาจจะแย่กว่าปีนี้เสียอีก”
การส่งออกไทยติดลบ ปัจจัยฉุดรั้งGDPปีหน้า
ตัวเลขสำคัญที่ช่วยพยุง GDP ปีนี้ไว้คือภาคการส่งออก แต่กลับเป็นปัจจัยเสี่ยงใหญ่ที่สุดในปีหน้า
- ปีนี้ มูลค่าการส่งออกเติบโตสูงถึง +10% (ครึ่งปีแรกโต 15%, ครึ่งปีหลังโต 5%)
- ปีหน้า (ปัญหาใหญ่) แบงก์ชาติคาดการณ์ว่าการส่งออกจะ ติดลบถึง -1%
อาจารย์ประพาส เน้นย้ำว่า การส่งออกติดลบเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะในขณะที่ปีนี้เรามองว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ภาคส่งออกยังคงเป็นพระเอก หากปีหน้าพระเอกหายไป เศรษฐกิจโดยรวมจะดูไม่ดีอย่างแน่นอน
ภัยเงียบที่ต้องจับตา ความเสี่ยง “ภาวะเงินฝืด” (Deflation)
อีกหนึ่งสัญญาณอันตรายที่อาจารย์ประพาสให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คืออัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยที่อยู่ระดับต่ำมากเพียง 0.x% ซึ่งเป็นระดับที่เกือบจะเข้าสู่ “ภาวะเงินฝืด“
เจาะลึกความน่ากลัวของ “ภาวะเงินฝืด” ต่อเศรษฐกิจไทย
ภาวะเงินฝืดเป็นสภาวะที่อันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะ
- คนเก็บเงิน ผู้คนจะเริ่มชะลอการใช้จ่ายและเก็บเงินสดไว้
- ราคาสินค้าลดลง พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ จึงต้องยอมลดราคาสินค้าลง
- เศรษฐกิจชะลอตัว เมื่อคนไม่ใช้เงินและราคาสินค้าลดลง เงินจะไม่หมุนเวียนในระบบ ทำให้เศรษฐกิจแย่ลงเรื่อยๆ
การที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยอาจเข้าสู่ภาวะเงินฝืดได้
เจาะลึกองค์ประกอบGDP ความหวังสุดท้ายที่ “การลงทุนภาครัฐ“
เมื่อมองลึกลงไปในองค์ประกอบของ GDP จะเห็นภาพความอ่อนแอของอุปสงค์ภายในประเทศชัดเจนขึ้น
การบริโภคภาคเอกชน สัญญาณการชะลอตัวที่น่ากังวล
ตัวเลขนี้สะท้อนกำลังซื้อของประชาชนโดยตรง ซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
- ปีที่แล้ว +4.4%
- ปีนี้ +2.1%
- ปีหน้า คาดการณ์เหลือเพียง +1.8%
การลงทุนภาคเอกชน อาจขยายตัวเล็กน้อย
คาดว่าอาจจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า ส่วนหนึ่งเพราะอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
ความหวังสุดท้ายที่ “การลงทุนภาครัฐ“
นี่คือเครื่องยนต์สำคัญที่จะเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจในปีหน้า
- ปีนี้ +5.1%
- ปีหน้า คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น +6.5%
หากเป็นไปตามคาดการณ์นี้จริง หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของภาครัฐอาจได้รับประโยชน์มากกว่ากลุ่มอื่นๆ แต่ อาจารย์ประพาส ก็ตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขนี้ยังมีความเสี่ยงสูงจาก “ความไม่แน่นอนทางการเมือง” ซึ่งอาจกระทบต่อแผนการลงทุนขนาดใหญ่ (Mega Project) ได้
บทสรุป จับตาความเสี่ยงเศรษฐกิจไทย “ปีหน้าอาจเผาจริง”
อาจารย์ประพาส สรุปภาพรวมเศรษฐกิจไว้อย่างน่าสนใจว่า “ปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง”
ตัวเลข GDP 2.2% ในปีนี้อาจดูไม่แย่ แต่ความจริงแล้วมันถูกพยุงไว้ด้วยการเติบโตอย่างมหาศาลของภาคส่งออก (+10%) ซึ่ง “ปัจจัยช่วย” นี้จะหายไปในปีหน้า และจะถูกแทนที่ด้วยตัวเลขคาดการณ์ส่งออกติดลบ -1%
ดังนั้น ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจึงดูไม่ดีนัก และต้องฝากความหวังไว้กับเครื่องยนต์หลักอย่าง “การลงทุนภาครัฐ” ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง นี่คือความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยที่แท้จริงที่นักลงทุนและทุกคนต้องเตรียมพร้อมรับมือในปีต่อไป