สรุป Oppday และ งบการเงิน หุ้น MEGA ไตรมาส 2/2566
📣 ดูเวอร์ชั่นเต็มคลิก : https://bit.ly/3PU0nfN
#สรุปงบการเงิน + Opportunity Day
#หุ้นยาอาหารเสริมที่อยากให้ทุกคนเข้าถึงและมีสุขภาพที่ดี
————————————————————————–
· Sales Revenue 4,002.72 +1.6% แบ่งตามช่องทางการขายดังนี้
– Mega We Care 2,020.69 +0.8%
– Maxxcare (Distribution) 1,880.05 +1.3%
– OEM 97.14 +31.4%
* แบ่งรายได้ของการขายผลิตภัณฑ์ Mega We Care ได้ดังนี้
– Southeast Asia 1,577.1 -3.0%
– Africa 246.7 +13.9%
– Others 195.4 +20.7%
– ทำให้รายได้ของผลิตภัณฑ์เติบโตในทวีปแอฟริกาซึ่งมาชดเชยยอดขายรายประเทศอื่นทำให้รายได้ออกมาทรงตัว
· Gross Profit 1,835.37 +8.9% สัดส่วน 45.85%
– กำไรขั้นต้นของ Mega We Care กลับมาอยู่ในระดับ 65.8% ในไตรมาสสองลดลงจากปีก่อนที่ 66.9% ซึ่งบริษัทแจ้งว่า 65% ถือว่าเป็นกำไรแบบปกติของบริษัท
– กำไรขั้นต้นของ Maxxcare เพิ่มขึ้นมาจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศเมียนมาร์
· SG&A 1,038.26 -4.2% สัดส่วน 25.88%
– ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจากการบริหารต้นทุนที่ดี
· Net Profit 530.95 -6.8% สัดส่วน 13.24%
————————————————————————–
Q&A จาก Opportunity Day
————————————————————————–
– ภาพรวมอุตสาหกรรม Q3 , Global report บอกว่า COVID impact สูงมากในที่ผ่านมา แต่สินค้าเราไม่ได้เกี่ยวกับ COVID ทั้งหมด มีอีกหลายๆ product ที่ยังมี growth ได้ แต่ส่วนที่ได้ประโยชน์มันก็ลดลงมา แนวโน้ม outlook น่าจะดีขึ้น แต่อย่าคาดหวัง growth เยอะแบบช่วง COVID แต่เป้าระยะยาวที่วางไว้ถึงคิดว่าถึงแน่ 2024 น่าจะเห็น recovery ที่ชัดเจนมากขึ้นในส่วนของ growth
– บริษัทออกผลิตภัณฑ์ 12 ชนิดในต้นปีและมีแผนจะออกเพิ่มอีก 10
– การเติบโตปีนี้น่าจะเป็น Flat เพราะปีที่แล้วโตเยอะมากถ้าบริษัท Maintain ได้ก็ดีมากแล้วทั้งรายได้และ GPM
– การก่อสร้างโรงงานในอินโดนีเซียออกแบบไปแล้ว เริ่มก่อสร้าง Q423 ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ต้องขอใบอนุญาตอีก 1 ปี
– แนวโน้มและโอกาสการขยายการลงทุนในเวียดนามโดยเวียดนามมีประชากร 100 ล้านคน ตลาดยาก็โตเรื่อยๆ ล่าสุด 3000-4000 ล้านเหรียญ มี Universal health care เหมือนไทย รัฐบาลก็ซื้อยาเหมือนกัน (เสริมข้อมูลจากผู้เขียน – ปกติรัฐบาลที่มีสิทธิการรักษาให้ประชาชนมักจะจ่ายยาที่เป็น generic คือยาเทียบที่มีราคาถูกกว่ายา original ซึ่ง การผลิตยา generic คือสิ่งที่ MEGA กำลังทำครับ) ต้องโตอยู่แล้ว คิดว่าตลาดยาน่าจะโตไปถึง 8000 ล้านเหรียญ ความจริงเราลงทุนในเวียดนามมา 30 ปีแล้ว
– ทิศทางธุรกิจในเมียนมาร์ตอนนี้ธุรกิจถอนตัวออกไปทำให้ GDP เติบโตน้อยลงแต่บริษัทสามารถไปทำได้แต่การเติบโตจะมองได้ยากมากต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อ
– บริษัทมีความสนใจในการขยายตลาดโดยแผนใน 5 ปีนี้ ฟังดูเหมือนๆเดิม Asia มีอยู่ในทุกประเทศแล้ว Africa ก็มีทีมงาน กำลังขยายเรื่อยๆรวมถึงประเทศเล็กๆที่ใกล้เคียงฐานเก่า ในอนาคตใน Africa ก็จะเน้นเลือกเป็นประเทศไปว่าที่ไหนมีแนวโน้มโตได้ หวังใน long term Africa ก็คงโตได้เหมือนใน SEA ค่อนข้างหวังกับ Africa ในอนาคตว่าประเทศเหล่านั้นอาจจะโตได้ เพราะว่าเจอแหล่งทรัพยากรในประเทศต่างๆในทวีปนั้น
– โรงงานใหม่ในอินโดนีเซียอีก 3 ปีคิดว่าจะมี breakeven หลายๆ product ที่ขึ้นทะเบียนเรื่อยๆ 3 ปีกว่าจะเริ่มขายได้ หลังจากนั้นประมาณ 1-2 ปี แรกก็ยังไม่ได้มียอดขายพุ่งเร็วมาก drug business
————————————————————————–
สรุป
————————————————————————–
· พื้นฐานของธุรกิจค่อนข้างมีความแข็งแกร่งเนื่องด้วยสินค้ามีความจำเป็นในการดำรงชีวิต
· ความเสี่ยงของบริษัทที่กำลังกดดันกำไรนั้นอยู่จะเป็นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนต่างๆซึ่งช่วงนี้หลายๆประเทศได้กำลังมีปัญหาอยู่ซึ่งทำให้เกิดเหตุการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนรวมไปถึงอัตรากำไรขั้นต้นจะมีการเหวี่ยงขึ้นลงตามเงินบาท
· แต่ถ้าเรามองในมุมโอกาสนั้นบริษัทมีตลาดที่กว้างมากโดยมุ่งเน้นไปทำตลาดในประเทศที่ยาไม่เข้าถึงหรือไม่มีคู่แข่งมาเปิดตลาดเช่น แอฟริกาเป็นต้นทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในจุดนี้และเติบโตอย่างเรื่อยๆ
————————————————————————–
“การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน”
.
.
สรุปโดย ลงทุนกล้วยๆ
