สรุปงบและ Oppday หุ้น OSP ไตรมาส 1/2566
#สรุปงบการเงิน+Oppday
#OSP #Q1FY2023
#เครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มราคา ต้นทุนผ่อนคลาย ทิศทางจะเป็นอย่างไร
————————————————————————–
· Revenue 6,545 -12.4% แบ่งตามประเภทสินค้าดังนี้
– Beverage (เครื่องดื่มชูกำลังและเครื่องดื่มทางเลือกอื่นๆ) 5,278 -16.9% แต่ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้นในหมวดเครื่องดื่มชูกำลังแต่ลดลงในเครื่องดื่มวิตามินซีหลังโควิดความถี่ของการบริโภคอาจจะลดลง
– Personal Products 555 +0.2% ทรงตัวจากทั้ง Babi Mild และ Twelve Plus แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน
– Others (กลุ่ม OEM และยาลูกอม) 711 +26.4% แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย
. แบ่งตามยอดขายในและต่างประเทศดังนี้
– Domestic 4,991 -17.5%
– Export 1,553 +9.1% นำโดยการเติบโตจากพม่าซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 65%
· GP 2,185 -7.8%
· GPM 33.39% สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนจากการปรับปรุงสายการผลิตและใช้พลังงานน้อยลงและต้นทุนของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง
· SG&A 1,702 +7.8% ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการตลาดส่งเสริมการขายของผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
· Net Profit 777 +3.8% จากแรงกดดันต้นทุนที่ลดลง
Target 2023
· Strong Profit Double Digit Growth
· Sale Double Digit Growth
· Market Share gains
· M&A
Q&A
· ไตรมาสที่ 2 ผลงานขยับตัวขึ้นมาเรื่อย บริษัทเชื่อว่าจะสูงขึ้นจากโรงงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและต้นทุนที่ลดลง ตัว Market Shareสูงขึ้นมาเรื่อย สรุปยอดขายและกำไรดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ แต่ YoY อาจจะต้องดูนิดนึง
· สัดส่วนต่างประเทศจะมาจากพม่าประมาณ 65% บริษัทตั้งเป้าเติบโตต่างประเทศ Double Digit
· รายได้รวมยังคงตั้งเป้าโต Double Digitทั้งรายได้และกำไร โดยมีปัจจัยบวกจากต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงรวมไปถึงบริษัทได้ลดสัดส่วนน้ำตาล ครึ่งปีหลังจะมีสินค้าใหม่เพื่อมากระตุ้นยอดขายเพิ่มเติม
· C-Vitt จะมีการโฆษณาและโปรแกรมส่งเสริมการขายและจะออกสินค้าใหม่เพื่อกระตุ้นส่วนแบ่งการตลาด
· ต้นทุนวัตถุดิบเริ่มลงมาจาก Q4 กลยุทธ์ของบริษัทปีนี้จะไม่ Fix ราคาต้นทุนยาวเนื่องจากคาดว่าต้นทุนจะลดลงต่อเนื่อง
· เห็น Trend การฟื้นตัว Market Share
· GPMบริษัทคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องรายผลิตภัณฑ์
· M&A กำลังศึกษาอยู่หลายดีล
· S&A สัดส่วนจะประมาณนี้
· ยอดขายต่างประเทศ Q1 Q2 จะเป็น High season
· บริษัทคาดกว่าการท่องเที่ยวดีขึ้นจะช่วยกระตุ้นการบริโภค
————————————————————————–
สรุป
· การเติบโตของกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง บริษัทจะแบ่งเป็นกลุ่มสินค้า 2 ประเภท 10 บาทและ 12 บาท โดยบริษัทจะทำการตลาดทั้งสองกลุ่ม
· สำหรับ Functional drink จะเน้น 3 แบรนด์คือ Peptein, Calpis และ Shark ซึ่ง 3 แบรนด์นี้มีความพรีเมี่ยมกว่าและมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างออกไป ขยายน้ำอัดลมเพื่อสุขภาพมากขึ้นและไปทำการตลาดร่วมกับร้านกาแฟอเมซอนโดยออกเมนูร่วมกันของ Calpis
· บริษัทมีการปรับปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มน้อยลงเพื่อลดผลกระทบจากภาษีน้ำตาลและเพื่อดีต่อสุขภาพ
————————————————————————–
“การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน”
สรุปโดย ลงทุนกล้วยๆ














