ถ้าเก่งหมากล้อม ก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้

ประโยคนี้ ดูเหมือนจะโอ้อวด ความสามารถของเกมกระดาน
ชนิดหนึ่งมากเกินไป สำหรับคนที่ยังไม่เคยสัมผัสเกมหมากล้อม 
หรือ โกะ (ในภาษาญี่ปุ่น) รวมถึงตัวผมเองก่อนหน้าที่ผมจะได้รู้จักหมากล้อมเช่นกัน
.
ผมเองเพิ่งได้ยินมาไม่นานนี้เหมือนกันหลังจากรู้จักหมากล้อมได้ 3 ปี
ว่ามีนักบริหารระดับสูงหลายท่านที่เล่นหมากล้อมเก่ง
ถ้าในต่างประเทศก็อย่าง ท่าน สี จิ้นผิง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากในแต่ละย่างก้าวของกลยุทธ์ เต็มไปด้วยความละเอียดรอบคอบ และชาญฉลาด
หรือจะเป็นนักบริหารคนไทยอย่าง คุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีออล จำกัด มหาชน หรือ CPALL ที่เรานักลงทุนรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็น “หุ้นเทพ” ในใจใครหลายๆคน ท่านก็มีฝีมือในระดับสูงมากลำดับต้นๆของประเทศไทย และแต่ละย่างก้าวของ 7-11 นั้น ผมก็รู้สึกได้ถึงกลยุทธ์หมากล้อมทั้งสิ้น
รวมทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมกีฬาหมากล้อมแห่งประเทศไทย และพยายามส่งเสริมให้เด็กไทยได้เข้าถึงการเล่นหมากล้อมอย่างทั่วถึงทั่วประเทศอีกด้วย ถ้าจะเรียกว่าท่านเป็นบิดาของวงการหมากล้อมก็ไม่ผิด
หรือแม้แต่ผู้บริหารของเครือสหพัฒน์ เจ้าของสินค้าอุปโภค บริโภคหลากหลายชนิดในเมืองไทย แต่ที่คนไทยรู้จักและกินกันบ่อยๆก็คือ “มาม่า” นั่นเอง
.
ปัจจุบันผมเป็นนักลงทุนหุ้นอิสระ และทำธุรกิจส่วนตัวอยู่
ผมชื่นชอบหมากกระดานเป็นอย่างมาก 
เริ่มต้นตั้งแต่ หมากฮอส หมากรุก ไล่ไปถึงหมากรุกจีน และฝรั่ง 
รวมถึงหมากกระดานอื่นๆของฝรั่งหลายชนิด
ผมได้รู้จักหมากล้อมครั้งแรกตอนอายุ 11-12 ขวบ 
ตอนได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ตอนปิดเทอม
ไปเดินที่ตลาดคนเดินชื่อดัง “ไนท์บาซ่า” 
และได้พบกับร้านขายเกมกระดานที่ทำจากไม้ร้านหนึ่ง
และมีกระดานเล็กๆกระดานหนึ่ง ที่มีช่องจำนวนมากถึง 18*18 ช่อง
เมื่อเทียบกับหมากรุกที่มี 8*8 ช่องนั้น ทำให้ผมรักกระดานหมากล้อมจิ๋วนั้นทันที
.
ทั้งๆที่ไม่รู้วิธีการเล่นเลย แต่ผมก็ซื้อกระดานนั้นมา
เหมือนจะเป็นความอุ่นใจว่าถ้ามีไว้ในครอบครองแล้ว
เราน่าจะมีความคิดที่ฉลาดเฉลียวขึ้นยังไงยังงั้น
หลังจากที่ซื้อมาแล้วด้วยความไม่รู้จักวิธีเล่น 
และในสมัยนั้น ก็ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตเหมือนปัจจุบัน!!!
(บ่งบอกถึงความนานได้เป็นอย่างดี)
ทำให้ผมก็จำใจปล่อยให้กระดานนี้ปราศจากการเล่น
หมากล้อมที่สมควรกับมัน แต่กลายมาเป็นกระดาน
เล่น Othello แทน >< (สมัยก่อนเกม Family มีเกม Othello) 
.
หลังจากนั้นผมได้มาเจอหมากล้อมอีกครั้งตอนประมาณ ม.2
ตอนที่เริ่มเรียน “จูล่ง ฝ่าทัพรับอาเต๊า” เป็นบางส่วนของมหากาพย์สามก๊ก ในหนังสือแบบเรียนวิชาอะไรสักวิชานึง >< 
จากนั้นผมก็รู้สึกชอบมาก จึงไปหาซื้อหนังสือเล่มแรกในชีวิตของผม
ก็คือ “สามก๊ก” ในราคา 500 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงมาก
สำหรับการซื้อของอะไรสักอย่างสำหรับผม และฐานะครอบครัวของผม
แต่แน่นอนว่าพ่อแม่ผมก็คงจะเหมือนพ่อแม่ใครอีกหลายๆคน
ที่ถ้าลูกอุตส่าห์จะซื้อหนังสืออ่านเองซักทีมันก็ต้องสนับสนุนกันเต็มที่
.
และผมได้อ่านเจอเรื่องราวบางส่วนใน “สามก๊ก” ที่เกี่ยวข้องกับ “หมากล้อม” รวมถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์จีนที่มี “หมากล้อม” ปนอยู่นั้น
ก็ล้วนเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ ปนความสงสัยอย่างมาก
เช่น เล่นหมากล้อมแพ้ชนะจนถึงขั้นเสียบ้านเสียเมืองกัน
สิ่งที่คิดในใจผมก็คือ อะไรมันจะเว่อขนาดนั้น 
ทำไมต้องเอาเกมกระดานๆนึงมาตัดสินชะตากรรมบ้านเมืองด้วย
.
จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน นานมากจนผมลืม “หมากล้อม” ไปหมดสิ้น
จนผมอายุ 38 (ป๊าด นานจริงๆ) จึงมีโอกาสได้ยินคำว่า “หมากล้อม” อีกครั้ง จากพี่ที่รู้จักกันในสมาคมผู้ประกอบการ ได้ชักชวนผมไปที่ๆหนึ่ง ที่มีการประชุมกัน วันเสาร์ตอนเช้า (ผมฟังแล้วทะแม่งๆ เหมือนจะชวนผมสมัครขายตรงยังไงยังงั้น) ผมปฏิเสธไปหลายครั้งจนประมาณครั้งที่ 4-5 ที่ผมรู้สึกได้ว่าถ้าผมไม่ไปสักครั้ง พี่แกคงไม่หยุดชวนแน่ๆ และได้ตั้งปฏิธานอย่างแน่วแน่ ว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่สมัครขายตรงกับพี่แกเด็ดขาด (ไม่มีใครบังคับให้เราควักเงินจากกระเป๋าตังค์ได้ ถ้าเราไม่ต้องการ … ยกเว้นความใจอ่อนของเราเอง ><“)
.
เมื่อไปถึงที่ประชุมอยู่แถว ซ.คอนแวนต์ ถ.สีลม ผมได้พบกับนักธุรกิจ (จริงๆ) ที่หลากหลาย มาพบปะกัน พูดคุยกันอย่างสนิทสนม และมีสัมนาเรื่องที่ทันกระแสโลก ในช่วงเช้า ก่อนที่สายๆก็จะย้ายมานั่งเล่น “หมากล้อม” กันในอีกห้องหนึ่ง “อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่ขายตรงละวะ” ผมโล่งใจ 🙂
.
เมื่อได้เห็นกระดานหมากล้อมขนาดใหญ่อีกครั้ง ทำให้ผมนึกถึงกระดานหมากล้อมจิ๋วของผมทันที ความรู้สึกเดิมๆกลับมาทันที ความรู้สึกหลงไหลกลับมาอีกครั้งและเมื่อมีอาจารย์สอนหมากล้อมเบื้องต้นให้ผมในวันนั้น จากวันนั้นจนถึงวันนี้ (3 ปี) ผมก็ไม่สามารถละจากกระดานหมากล้อมได้แม้แต่วันเดียว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
.
สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้เลยก็คือ ถ้าผมเล่นหมากล้อมเก่งตั้งแต่เด็กๆ 
ผมมั่นใจเลยว่าผมจะสามารถทำงาน หรือทำธุรกิจได้ประสบความสำเร็จได้อย่างมากตั้งแต่อายุน้อยๆแน่ๆ แต่ถึงเป็นตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป 🙂
.
ทำไมการเล่นหมากล้อม ถึงสามารถทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้หรือครับ?
.
.
.
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงทราบเป็นอย่างดีว่าปัจจัยที่เราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้นมีอะไรบ้าง
ใครๆก็ทราบครับ ปัญหาที่ไม่ใช่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้เนื่องจาก 
เรารู้ แต่เราไม่สามารถทำได้ครับ เรารู้ทั้งรู้ แต่ก็ไม่มีความมุ่งมั่นพอ เรารู้ว่าต้องมีอะไรบ้าง
.
1. ความมุ่งมั่น ตั้งใจ
2. ความละเอียดรอบคอบ 
3. ความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
4. การมีเหตุผลอยู่เหนืออารมณ์
5. การยอมรับความผิดพลาด และเรียนรู้จากมัน
6. การเข้าใจ และประเมินสถานการณ์ภาพรวมได้ดี
7. การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้ดีเช่นกัน
8. ความสมดุล (ตรงไหนเรียกว่าสมดุลกันนะ)
9. ความรู้ในการบริหาร
10. และอื่นๆอีกมากมาย
.
ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ทำให้เราไม่สามารถประสบความสำเร็จได้มากพอหลักๆเป็นเพราะ
1. เราไม่เข้าใจแนวคิดอย่างลึกซึ้งมากพอ
2. เราไม่ได้รับการฝึกฝนทักษะเพื่อความสำเร็จอย่างมากพอ
.
และสิ่งที่ผมได้จากหมากล้อมคือ
.
1. หมากล้อมเป็นหมากกระดานที่ถือว่ามีวิธีการเล่นที่เรียบง่ายมาก (สามารถเล่นเป็นภายใน 5 นาที) แต่เป็นหมากกระดานที่เล่นเก่งยากที่สุดในโลก (มีความเป็นไปได้ของการเดินเท่ากับ 360! (360 แฟคทอเรียน) คือการนำ 360*359*358*…*1 คูณไล่ลงไปจนถึง 1)
.
2. กระดานหมากล้อมเดินบนจุดตัดที่เชื่อมกันทั้งหมดทั้งกระดาน เรียกว่า “ลมหายใจ” มีขนาด 19*19 จุดตัด ทั้งหมดรวม 361 จุดตัด นั่นแปลว่า แต่ละฝ่ายจะสามารถเดินได้คนละครั้ง ได้มากหลายร้อยครั้งต่อ 1 เกม
.
3. มี 2 ฝ่าย ถือหมาก “สีดำ” และ “สีขาว” ผลัดกันลงคนละครั้ง โดยสีดำเป็นคนเริ่มก่อนเสมอ และการเริ่มก่อนเปรียบเสมือนการเข้ามาในอุตสาหกรรมเป็นคนแรก ย่อมมีความได้เปรียบ ดังนั้นดำจึงต้องต่อให้ สีขาว 6.5 แต้ม (มี 0.5 เพื่อให้เกิดการแพ้ชนะกันได้) และทุกๆเม็ดมีคุณค่าในตัวมันเองเท่าๆกัน ไม่มีขุน ไม่มีเรือ ไม่มีฮอส
.
4. เกมหมากล้อมเป็นเกมการล้อมพื้นที่สร้างบ้าน กำหนดชัยภูมิ เปรียบเสมือนทำธุรกิจก็ย่อมต้องการ “Market Share” ใครได้มากกว่าก็เป็นฝ่ายชนะ 
.
5. หมากล้อมไม่ได้สอนให้เข่นฆ่าคู่ต่อสู้ให้ตายหมดไป เหมือนกับเกมกระดานหลายๆชนิด เช่น หมากฮอส หมากรุก เป็นต้น ดังคำสอนของซุนวูที่ว่า “จือจี่ จือปี่ ไป่จ้าน ปู่ไต้” แปลเป็นไทยว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ไม่เพลี่ยงพล้ำ” …. ตอนนี้หลายๆคนคงจะต่อกันจนจบว่า “ชนะร้อยครั้ง” และเริ่มคิดว่าผมพิมพ์ผิดกันบ้าง แต่ผมไม่ได้พิมพ์ผิดครับ ต้นฉบับ ปรัชญาของซุนวูนั้น ทราบดีว่าการต่อสู้ หักหาญคนอื่นให้ตายหมดไปนั้น ย่อมเปิดความเสี่ยงมหาศาลของเราเอาไว้ด้วยครับ
.
6. หมากล้อมมี 4 จุดประสงค์ในการเล่น และทุกๆเม็ด ก่อนที่เราจะลงไป ต้องคิดถึง 4 จุดประสงค์นี้ทุกเม็ด !!! และใน 1 เกมเราจะเดินฝ่ายละ 100-150 เม็ดครับ นั่นแปลว่าเราจะต้องคำนึงถึง 4 จุดประสงค์นี้เกมละ 100-150 ครั้ง!!! และ 4 จุดประสงค์นั้นมีความสำคัญเรียงกันคือ
6.1 สร้างความแข็งแรงให้กับตนเอง ถ้าแข็งแรงแล้วก็ไปข้อต่อไป
6.2 มองหาจุดอ่อนฝ่ายตรงข้าม ถ้ามีโจมตี เพื่อค้ากำไร!!! ไม่ใช่ต้องการฆ่าทำลาย!!! เพียงเรากำไรเพิ่มขึ้นนิดเดียว เราก็นำเขาแล้ว แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่มีจุดอ่อน ก็ไปข้อต่อไป
6.3 ขยายพื้นที่สร้างการเจริญเติบโต ถ้าไม่มีจุดให้สร้างการเจริญเติบโตแล้ว (ตลาดอิ่มตัว) ก็ไปข้อต่อไป
6.4 ลดพื้นที่ของฝ่ายตรงข้าม ย้ำ!! ว่าลดครับ ไม่ใช่พยายามทำลาย เปรียบเสมือนการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดของฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง
ลองคิดดูสิครับ ว่าถ้าในแต่ละเกมหมากล้อม เราต้องฝึกคิด 4 จุดประสงค์นี้ ตลอดเวลา จะช่วยทำให้ในชีวิตจริงของเราคิดเป็นระบบแบบนี้ไหม แล้วระบบความคิดแบบนี้จะช่วยให้เราสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้เพิ่มขึ้นไหมครับ
.
7. และสุดท้าย ในแต่ละเม็ด นอกจากเราจะต้องประเมิน 4 จุดประสงค์อย่างรอบคอบแล้วนั้น เรายังต้องเผชิญกับ “อารมณ์” ของเรา ทั้ง “ความโลภ” และ “ความกลัว” อยู่ตลอดเวลาทุกตาเดิน จนทำให้เราจะรู้สึก และรับรู้ได้ ถึง “ความโลภ” ในเวลาที่เราเริ่มได้เปรียบ และ “ความกลัว” ในเวลาที่เสียเปรียบ แต่สิ่งที่จะทำให้เราสามารถชนะกระดานนี้ได้ก็คือ การเข้าใจอารมณ์นั้น แล้วดึงมันลงมาตรงกลาง ยึดมั่นกับ 4 จุดประสงค์อย่างเคร่งครัด เปรียบเสมือนการมีเหตุผล อยู่เหนืออารมณ์นั่นเอง และหลายๆเกมที่ผมได้มีโอกาสแข่งขันในทัวร์นาเม้นท์ต่างๆ ก็คือ บางเกมนั้น ผมสู้ไม่ได้เลยตั้งแต่เม็ดแรกๆจนเม็ดท้ายๆ เดินไป 150 เม็ด ก็ยังตามอยู่ แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงผลการแข่งนั้นได้ จนกระทั่งเม็ดสุดท้ายของฝั่งตรงข้ามที่เดินมาด้วยความโลภมากเกินไปเพียงเม็ดเดียวเท่านั้นใน 150 เม็ดของเค้าเอง ทำให้ผมสามารถชนะในกระดานนั้นได้ ซึ่งเป็นกระดานที่ผมจดจำความรู้สึกได้เป็นอย่างดีจนถึงทุกวันนี้ ว่าการยอมรับความแตกต่างของฝีมือ นั้นเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง แต่การข่มอารมณ์ “กลัว” และมี “วินัย” มีเหตุผลรับมือกับสถานการณ์อย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และ “อดทน” รอคอย “โอกาส” และที่สุดคัญทีสุดก็คือ เมื่อ “โอกาส” มาแล้ว ก็จงอย่าพลาดที่จะคว้าโอกาสนั้น 🙂
.
และนี่คือแนวคิดที่ผมได้จากหมากล้อม ที่ยังไม่นับแนวคิดรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย
ที่ผมมั่นใจเหลือเกินว่าหมากล้อมนั้นเป็นเกมกลยุทธ์ที่บ่มเพาะนักบริหารได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
และแน่นอนที่สุดว่า ถ้าเรารู้จักนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ไม่ได้มองเป็นเพียงเกมการละเล่นครับ
.
.
มาเล่นหมากล้อมกันเถอะ 😉
.
ปล. ไม่ได้แปลว่าคนเล่นหมากล้อมทุกคนจะประสบความสำเร็จนะครับ 
และไม่ได้แปลว่าคนที่ไม่ได้เล่นหมากล้อมจะประสบความสำเร็จไม่ได้เช่นกัน
.
ประพาส บุญชื่น 
ระดับฝีมือ 1 Kyu
ชมรมหมากล้อมสำหรับนักบริหาร (#ExGO)
#ลงทุนกล้วยๆ

5 thoughts on “ถ้าเก่งหมากล้อม ก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้

  • November 17, 2022 at 4:08 pm
    Permalink

    I’ve been surfing online more than 3 hours today, yet I never
    found any interesting article like yours. It is pretty worth enough for me.

    In my view, if all web owners and bloggers made good content as
    you did, the net will be much more useful than ever before.

    Reply
  • November 17, 2022 at 4:15 pm
    Permalink

    Howdy! This is my 1st comment here so I just wanted to give a quick shout out and say I truly enjoy reading through your posts.
    Can you suggest any other blogs/websites/forums that deal with
    the same topics? Thank you!

    Reply
  • November 17, 2022 at 4:26 pm
    Permalink

    It’s amazing designed for me to have a web page, which is useful in support of
    my know-how. thanks admin

    Reply

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Protected by CleanTalk Anti-Spam