Forum

Notifications
Clear all

ส่งการบ้าน รุ่น 1


(@pakorn-monsiriruengdej)
New Member Admin
Joined: 4 years ago
Posts: 3
Topic starter  

รายละเอียดการบ้าน

1. ให้ทุกท่านช่วยสรุป เราได้อะไรจากคอร์สนี้บ้าง

2. ส่งการบ้านหุ้น 5 ตัว 

2.1) มีหุ้นตัวไหนบ้าง

2.2) มีส่วนลดเท่าไหร่ (MOS)

2.3) ระบุประเภทหุ้น (ใส่ได้มากกว่า 1 ประเภท)

2.4) เหตุผลที่ซื้อในเชิงคุณภาพ


   
Quote
(@joe-pholthavee)
New Member
Joined: 4 years ago
Posts: 2
 
-ได้เข้าใจ เห็นภาพขั้นตอนการเลือกหุ้น
อย่างมีหลักการเป็นขั้นตอน
 
-รู้จักแบ่ง แยกแยะ กลุ่มของหุ้นเป็นหมวดหมู่
เพื่อเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสม
 
-ได้เข้าใจวิธีการลงทุนที่ถูกต้อง
ไม่ใช่แค่เลือกลงทุนกับหุ้นชั้นดีในราคาเท่าไหร่
เมื่อไหร่แล้วหลับหูหลับตาถือยาวๆ
เหมือนอย่างที่เคยสงสัยมาตลอดเวลา
 
ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า
การเลือกลงทุนในหุ้นชั้นดีแต่ไปซื้อในราคาที่แพงกว่า FV
ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร
 
ข้อสำคัญในคอร์สนี้ได้ให้เครื่องมือพื้นฐานเบื้องต้น
ที่สามารถคัดกรองหุ้นที่มีส่วนต่างความปลอดภัย
สามารถวิเคราะห์หาหุ้นได้เองในขั้นต้น
แทนที่จะต้องพึ่งพาอาศัย ใช้หูฟังหรือแอบดู
อาศัยข้อมูลจากคนอื่นเพียงอย่างเดียว
 
 
2. ส่งการบ้านหุ้น 5 ตัว
 
2.1) มีหุ้นตัวไหนบ้าง
2.2) มีส่วนลดเท่าไหร่ (MOS)
2.3) ระบุประเภทหุ้น (ใส่ได้มากกว่า 1 ประเภท)
2.4) เหตุผลที่ซื้อในเชิงคุณภาพ
 
CPALL
หุ้นแข็งแกร่ง
เป็นเจ้าตลาดเรื่องธุรกิจค้าปลีก
มีโอกาสเติบโตในอนาคต
เวลานี้มี P/BV mos ที่ 30%
 
KBANK
หุ้นวัฎจักร
มีความแข็งแกร่งที่ได้เปรียบมากกว่า
คู่แข่งในธุรกิจกลุ่มเดียวกัน
ตอนนี้มี P/BV mos มากกว่า 60%
 
ADVANC
หุ้นโตช้า
มีความแข็งแกร่งได้เปรียบคู่แข่ง
โดยดูจาก market share
และผลประกอบการต่อเนื่อง
ตอนนี้มี P/BV mos มากกว่า 60%
 
CPN
หุ้นแข็งแกร่ง
มีจุดแข็งในธุรกิจพื้นที่ให้เช่าของห้างสรรพสินค้า
มีแผนพัฒนาธุรกิจใหม่ๆต่อเนื่อง
มีโอกาสเติบโตในอนาคต
เวลานี้มี P/BV mos มากกว่า 30%
 
OISHI
หุ้นแข็งแกร่ง
มี brand ที่เป็นจุดแข็ง
ผ่านสมรภูมิการต่อสู้ทางธุรกิจมาอย่างโชกโชน
แม้ว่ากลุ่มธุรกิจ beverage จะดูไม่ค่อยสดใสมาก
แต่ภาคธุรกิจร้านอาหารมีการเติบโตที่น่าสนใจ
เวลานี้มี P/BV mos มากกว่า 30%

   
ReplyQuote
(@prapas-boonchuen)
Estimable Member Admin
Joined: 4 years ago
Posts: 170
 

@joe-pholthavee หุ้นทั้ง 5 ตัวนี้ ผมชอบมากๆเลยครับ เป็นพอร์ตที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดีมากๆ ชอบมากจริงๆครับ คัดเลือกหุ้นได้ดีมากๆครับ และราคาก็ดีมากๆทุกตัวเลยครับ ยอดเยี่ยมมากๆครับ อย่าลืมว่า VI เราเน้นมุมมองระยะยาว และมองข้าม Sentiment ระยะสั้นไปนะครับ ทำตามวินัยการลงทุนอย่างเคร่งครัด ถ้าราคาลงมาอีก (มากกว่า 20%) ก็ควรถัวเฉลี่ยมากกว่าขายนะครับ (หากพื้นฐานยังเหมือนเดิม) ขอให้คุณโจประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ ^ ^


   
ReplyQuote
(@sirimonporn-saowalak-suriyawongpaisal)
Trusted Member
Joined: 4 years ago
Posts: 70
 

@prapas-boonchuen mos P/BV CPALL ต่างกันพอสมควรเลยนะคะ คิดอย่างนี้ถูกมั้ยน้อ excel ระดับอนุบาล

2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562          
2011 2012 2013 2014 2015 2016 2017 2018 2019 average 2020 Jitta.com    
33.1 47.3 39.3 40 43.3 60 84 77.8 70.8     Price    
13.9 15.7 12.3 11.7 10.4 9.76 10 8.23 6.78 10.90 6.28 Price to Book Value Ratio Jitta    
37.2 38.4 33.6 35.2 28.4 32.4 39.2 35 29.8   27.86 Price to Earnings Ratio    
                    42% mos p/bv Jitta    
                      mos p/e    
11.72 17.21 14.22 13.53 10.48 13.69 9.87 7.76 7.35 11.61
46%  
Price to Book

46% mos P/BV  Finnomena
   
                           
                           
                  10.68 41% P/BV prapas    
                           
                  10.29 39% P/BV pol    
                           
                  8.62 27% P/BV prapas back to2008    

   
ReplyQuote
(@prapas-boonchuen)
Estimable Member Admin
Joined: 4 years ago
Posts: 170
 

@sirimonporn-saowalak-suriyawongpaisal ใช่ครับพี่ปุ๊ ตัวเลขห่างกันพอสมควรเลยครับ การใช้ตัวเลขปีที่น้อย ย่อมหมายถึงเราเลือกเฉพาะช่วงเวลาที่ดีของกิจการ มันก็เป็นมุมมองที่อาจจะ Aggressive นิดๆอยู่แล้วครับ ถ้าเรา Conservative ก็ควรใช้ตัวเลขที่ Cover ช่วงวิกฤตด้วย ก็จะสบายใจขึ้นครับ ^ ^


   
ReplyQuote
(@jaruwan-lerkpatomsak)
Active Member
Joined: 4 years ago
Posts: 10
 

หุ้นที่ต้องการมีในพอร์ตคือ

คือเป็นหุ้นหุ้นโตช้า 1  ตัว หุ้นแข็งแกร่ง 3  คัว  (90%)และหุ้นโตเร็ว 1 ตัว ( 10%)

1หุ้นกลุ่มค้าปลีก   1 ตัวคือ cpall  20% เป็นหุ้นแข็งแกร่ง มีmarket share 50-60% อันดับ  1 และมีกลยุทธการเติโตทุกมิติ

2.หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค  1 ตัวคือratch 20% เป็นหุ้นโตช้าและเป็นสินค้าที่จําเป็นต้องใช้ในชีวิตประจําวัน

3.หุ้นในกลุ่มอสังหา 1ตัวคือ หุ้น cpn 20% เป็นหุ้นแข็งแกร่ง  และเป็นอันดับ 1  ศูนยืการค้าที่มีพื้นที่ให้เช่ามากที่สุดอันดับ 1

4.หุ้นsabina เป็นหุ้น แข็งแกร่งโตช้า  15% เหตุผลที่เลือกเพราะ บ.มีกลยุทธเติบโตโดยขายสินค้าให้กับสุภาพสตรีทุกวัยตั้งแต่วัยเริ่มใช้ถึงวัยผู้ใหญ่รวมถึงครอบคลุมทุกไซน์

5.กลุ่มธนาคาร  1   15%  Kbank เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีmos มากกว่าตัวอื่นๆอีกทั้งลูกค้าเน้น sme (ปัญหาขณะนี้คือในพอร์ตมีหุ้น tisco tcap อยู่แล้วจน.หนึ่ง  ประมาณ 5 แสนไม่ทราบว่าควรจะซื้อkbankไปเลยรวมเป็นทั้งหมด 3 ตัวดีหรือขายทิ้งซื้อ kbankอย่างเดียว

ยังตัดสินใจไม่ถูกค่ะทั้งtcap และtisco ได้รับเงินปันผลมาแล้ว 1-2 แล้ว

6.หุ้น mtcหรือsawad  เป็นหุ้นเติบโตติดต่อกัน 22 ไตรมาสติดต่อกัน ด้วยความสามารถของผู้บริหาร

หมายเหตุ   ขอสอบถามอ.่พิ่มเติมว่าควรจะทํายังไงกับหุ้นที่มีอยู่กระจายในหุ้นหลายๆตัวที่ซื้อตอนช่วง1000 จุดซึ่งปจจุบันเแป็นบวกแต่เนื่องจากปริมาณไม่มากพอ จะขายก็เสียดายเพราะได้ต้นทุนไม่สูง)

   จากคุณจารุวรรณ  6/10/2563


   
ReplyQuote
(@prapas-boonchuen)
Estimable Member Admin
Joined: 4 years ago
Posts: 170
 

@jaruwan-lerkpatomsak
หุ้น 6 ตัวที่พี่วรรณ แพลนไว้ผมว่าน่าสนใจและสมดุลดีนะครับ

ส่วนเรื่องหุ้นที่กระจายอยู่ ถ้าคิดว่าจำนวนตัวมากเกินไปจะขายแล้วมารวมที่ตัวเดียวก็ไม่มีปัญหาเพราะราคาก็ค่อนข้างถูกันหมดทั้ง sector อยู่แล้วนะครับ

ส่วนเรื่องเสียดายทุนต่ำ ผมก็เข้าใจได้ครับ แต่ถ้าเราเสียดายทุนที่ต่ำจะทำให้เรายึดติดจนในอนาคตไม่สามารถซื้อหุ้นเดิมในราคาสูงขึ้น (แต่เมื่อวัดความถูกแพงด้วย p/bv, p/e แล้วถูก) ได้รึเปล่านะครับ 

พยายามอย่ายึดติดกับราคาที่ต่ำจนมองข้ามความถูกแพงนะครับ เพราะนี่เป็นหลุมพรางที่นักลงทุนส่วนใหญ่เป็นกันเยอะเช่นกันครับ


   
ReplyQuote
(@jaruwan-lerkpatomsak)
Active Member
Joined: 4 years ago
Posts: 10
 

ต้องขอบอกอ.ว่าอ.อ่านความรู้สึกเรื่องการลงทุนออกว่ากําลังรู้สึกอะไรอยู่ต้องขอบคุณอ.อีกครั้งที่สกิดอารมณ์ตัวเองและกลับมานั่งทบทวนตัวเองอีกครั้งตามที่อ.ให้ความเห็นตามที่ได้ถามอ.ไป(จะจําอารมณ์นี้ไว้ค่ะ)

  พี่วรรณ9/10/63 


   
ReplyQuote
(@prapas-boonchuen)
Estimable Member Admin
Joined: 4 years ago
Posts: 170
 

@jaruwan-lerkpatomsak ผมเองก็เคยเจอหลุมพรางเหล่านี้มาเช่นกันครับ ^ ^


   
ReplyQuote
(@chanitta-tai)
New Member
Joined: 4 years ago
Posts: 2
 

@ahama-nikhong เจอปัญหาเดียวกันค่ะ แต่แก้ไขได้แล้ว ต้องกลับไปดูเทปบันทึกอีกครั้งให้ละเอียดครบถ้วน ซึ่งทำให้รู้ข้อผิดพลาดตรงที่ ให้ปรับปรุงในงบฯที่ import มา แล้ว แล้วกด Crt+H พิมพ์ตรง ค้นหา: (** + space bar เพื่อให้ไม่มีช่องว่างในหัวข้อ date ทำให้สูตร vlookup ได้ เพราะถ้าตรงวันที่ยังมีช่องว่าอยู่ ระบบจะค้นหาข้อมูลไม่เจอค่ะ

 


   
ReplyQuote
(@prapas-boonchuen)
Estimable Member Admin
Joined: 4 years ago
Posts: 170
 

@ahama-nikhong ขอโทษด้วยครับคุณดี ผมไม่ทันเห็นข้อความครับเลยตอบช้าหน่อย

ประเด็นคือคุณดีไปใช้สูตร Ctrl+H แล้วเปลี่ยน Column จาก C เป็น I ครับ

ทีนี้ในสูตรคำนวณค่าเฉลี่ย P/BV, P/E พวกนี้มันมีสูตร Counta อยู่ด้วย มันก็เลยเปลี่ยนจาก C ไปเป็น I แทน สูตรก็เลยผิดครับ ต้องระมัดระวังเรื่องนี้ด้วยนะครับ 😉


   
ReplyQuote
(@prapas-boonchuen)
Estimable Member Admin
Joined: 4 years ago
Posts: 170
 

@ahama-nikhong มันต้องเพิ่มช่องแล้วเปลี่ยนสูตรน่ะครับ อาจต้องพอเข้าใจเรื่องสูตรของ Excel ประมาณนึงครับ แต่เบื้องต้นผมแก้ไขไฟล์เป็นตั้งแต่ปี 2008 ให้ละครับ ต่อไปลองใช้ Tab ของ Advanc เป็นตัวต้นฉบับแทน Sappe นะครับ 😉


   
ReplyQuote
(@udsana-tan)
New Member
Joined: 4 years ago
Posts: 1
 

สวัสดีค่า ตอบช้าไปมากเลย 

สิ่งที่ได้จากการเรียน คือ แนวคิดว่า ทำไมต้องลงทุนถืงแม้ตัวเองจะคิดว่า เก็บเงินได้มากพอแล้ว งานที่ทำก็มั่นคง แต่พอเจอวิกฤตครั้งนี้ รู้เลยว่า การลงทุนเป็นเรื่องจำเป็น เปรียบเหมือนเครื่องยนต์สร้างรายได้ อีกทาง

นอกจากนี้ อ.พาส สรุปความรู้พื้นฐานที่ต้องใช้ในการลงทุน การจัดพอร์ต กระจายความเสี่ยง การเลือกหุ้น การหาราคาที่ควรซื้อได้ด้วยตัวเอง รวมถ๊ง การสอนงบการเงินในรูปแบบที่ตัวเองไม่เคยเรียนบัญชี ก็พอเข้าใจได้

ที่สำคัญที่สุด คือ Mind set ของการเป็นนักลงทุน VI การถือหุ้นแล้วนอนหลับ ถึงแม้จะติดลบก็ตาม เพราะเรามั่นใจธุรกิจที่เลือกแล้วที่ผ่านมา เคยเทรดหุ้น กำไรก็นอนไม่หลับกลัวพรุ่งนี้ขาดทุน  ขาดทุนก็แย่หนัก เครียดจนคนรอบตัว ไม่เข้าใกล้ พอคัทลอสแล้วนั่งร้องไห้หนักมาก จนถอดใจ

  ตอนนี้ตั้งแต่เรียนกับ อ.พาสรู้สืกว่า พบแนวทางของการลงทุนของตัวเอง มั่นใจระดับนึง แต่ก็ยังต้องรบกวน อ. เป็นพี่เลี้ยงให้ก่อนนะคะ 

จากการทำการบ้าน สรุปทรัพย์สินที่จะมาลงทุน ในตอนนี้ ยังไม่กล้า all in นะคะ เลยคิดว่า แบ่งเงินที่จะไม่ใช้ใน 3-5ปี มาลงทุน

เลือกหุ้นได้ คือ

cpall cpn หุ้นแข็งแกร่ง 

k bank หุ้นวัฏจักร 

centel หุ้นเติบโต บวก แข็งแกร่ง

sawad หุ้นเติบโต 

หู้นทั้งหมด ราคาลงมา ได้ mos มากกว่า30%

มีคำถาม อ ว่า 

ระหว่างที่รอ ตัดสินใจจะลงทุนหุ้นตัวไหน เพราะ เคยขาดทุนมาเยอะ เลยกลัวๆ แผลยังสดอยู่ ราคาหุ้นบางตัวก็บวก ไปบ้าง ทำให้mos น้อยลง

เช่น sawad กับ centel เราควร รอก่อนซักนิด หรือ เข้าซื้อเลยคะ ตอนนี้ 

 

 


   
ReplyQuote
(@prapas-boonchuen)
Estimable Member Admin
Joined: 4 years ago
Posts: 170
 

@udsana-tan ยินดีครับ ^ ^ มาช้ายังดีกว่าไม่มาครับ 555+

จากรายชื่อหุ้นที่เลือกมา

CPALL, CPN ผมคิดว่าเป็น timing ที่ดีกว่าช่วงที่เราเรียนกันอีกครับ ดังนั้นค่อนข้างสบายใจครับ 😉

KBANK ราคาช่วงนี้ก็ดีกว่าช่วงที่เราเรียนเช่นกัน และก็อย่างที่เคยคุยกันไว้นะครับ กำชับอีกรอบนึงว่าหุ้นวัฏจักรต้องซื้อที่ bottom และขายแถวๆช่วง Fair price หรือแถวๆ P/BV 1.2-1.5 เท่านะครับ 😉

CENTEL ก็เป็นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตในอนาคตเช่นกันครับ

สุดท้าย SAWAD ก็เป็นหุ้นที่คุณภาพสูง และมีการเติบโตในอนาคตค่อนข้างดีเลยครบั

สรุป หุ้นทั้ง 5 ตัวที่เลือกมามีคุณภาพสูง และราคาถูกดีมากๆเลยครับ ผมเชื่อว่าผลตอบแทนการลงทุนของพอร์ตนี้จะดีแน่นอนครับ

- ตอบคำถามเรื่องรอนะครับ

ผมอยากจะทบทวน mindset ของ VI กันก่อนนะครับ

1. เราทราบราคาในอนาคตระยะสั้นไหมครับ ?? >>> ไม่ทราบใช่ไหมครับ นั่นแปลว่าการรอในระยะสั้นราคาอาจจะขึ้น หรือลง ก็ได้ถูกไหมครับ 

2. ราคาที่อาจจะมีการปรับตัวขึ้นมาบ้าง แล้ว MOS ยังมากพออยู่รึเปล่า ?? >>> ถ้าจำไม่ผิดทั้ง SAWAD, CENTEL ต่างก็มี MOS ในระดับที่สูงทั้งคู่เลย 

** สรุป ถ้าในมุมมองของผมคิดว่าเราควรมีวินัยการลงทุนสูงมากๆครับ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะหากเราจะพยายามกะจังหวะการลงทุน ซึ่งโอกาสถูกก็มี 50/50 เราก็คงจะเป็นแนวเก็งกำไรเสียมากกว่าครับ ^^ แนวคิดการลงทุนแบบ VI ที่สำคัญคือ ลงทุนหุ้นดี ราคาถูก มีแค่ 2 หลักการนี้เท่านั้น ถ้าหุ้นที่จะซื้อเป็นหุ้นที่ดี และราคาถูก ก็ควรจะรักษาวินัยการลงทุนอย่างเคร่งครัดครับ 😉 เพราะเราศึกษามาแล้วว่าการทำสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และได้ผลลัพธ์ที่ดีครับ 

แต่ผมจะสมมุติเหตุการณ์ในการรอราคานะครับ
1. รอแล้วราคาลงมาอีก คำถามคือ แล้วเราจะใช้จุดไหนในการเข้าซื้อครับ เพราะเราก็อาจจะกังวลต่อไปอีกว่า เดี๋ยวจะลงอีก เลยอยากซื้อที่ราคา Bottom ซึ่งไม่มีใครทราบได้ครับ และไม่จำเป็นเลยที่จะต้องซื้อที่ราคาต่ำสุด เพราะเพียงเท่านี้ผลตอบแทนก็ดีมากแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นหลุมพรางที่ค่อนข้างอันตรายพอสมควรครับ เนื่องจาก พอเรารอไปเรื่อยๆ เราเองก็ไม่รู้จุดต่ำสุดว่าอยู่ตรงไหน ทีนี้พอราคาขึ้น เราก็จะเริ่มเสียดาย และมีโอกาสที่เราจะซื้อที่ราคาแพงขึ้น เพราะกลัวตกรถได้ครับ และเราก็จะมีโอกาสกลับไปอยู่ในวังวนเดิมๆของการลงทุนครับ ที่ราคาลงมาได้ส่วนลดที่ดีแต่ไม่กล้าซื้อ ต้องรอให้ตลาดดันราคาหุ้นขึ้นไปก่อนถึงจะมั่นใจ พอเราซื้อตอนราคาขึ้น แล้วราคาปรับตัวลงมา เราก็อาจจะเกิดความกังวลว่าราคามันจะลงไปเยอะๆอีก วนแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ 😉

2. รอแล้วราคาขึ้น ก็แน่นอนว่าเราอาจจะตกรถรอบใหญ่เลยเหมือนกันครับ เพราะราคาหุ้นในปีนี้ก็ต้องยอมรับว่าถูกที่สุดในรอบ 12 ปีที่ผ่านมาแล้ว และขอย้ำว่าในช่วงศก.ฟื้นตัว เราจะไม่มีทางเห็นหุ้นแข็งแกร่งราคามีส่วนลดมากพออย่างในปีนี้ไปอีกอย่างน้อย 10 ปีเลยครับ 😉

หวังว่าคำตอบจะช่วยให้การตัดสินใจได้บ้างนะครับ 😉


   
ReplyQuote
Share:
Protected by CleanTalk Anti-Spam