Forum

Dohome


(@aui-kitty)
Active Member
Joined: 2 years ago
Posts: 5
Topic starter  

ถือ dohome ไว้เมื่อต้นปี จากทุน 19 บาท 

-จากที่ margin เขาหายไปเยอะ

-ค่าเงินอ่อนค่า ซึ่งมีผลต่อสินค้ากลุ่มที่นำเข้า/เหล็กและหุ้นตัวนี้

-NPM เขาลดลงมาก

-Debt เพิ่มขึ้น และเมื่อต้นปีที่ไม่ได้จ่ายปันผลแต่ปันผลเป็นหุ้นแทน  จะมีความเสี่ยงถึงขั้น Finacial costเพิ่มอันเนื่องจากผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นอีกด้วยไหม

จึง concen ว่าถ้ามองที่ระยะ 1-2 ปีนี้ ควร cut ออกเพื่อไปตัวอื่นที่น่าจะมีโอกาสสร้างกำไร/Port ได้ดีกว่านี้ไหม?

 

และหากเป็นเช่นนั้น ควร cut ออกอย่างไรดี หรือมีโอกาส ขยับขึ้น รอหลังน้ำท่วมดี

หรือยังควรถือต่อ....  


   
Quote
(@prapas-b88)
Noble Member Admin
Joined: 3 years ago
Posts: 1516
 
Posted by: @aui-kitty

ถือ dohome ไว้เมื่อต้นปี จากทุน 19 บาท 

-จากที่ margin เขาหายไปเยอะ

-ค่าเงินอ่อนค่า ซึ่งมีผลต่อสินค้ากลุ่มที่นำเข้า/เหล็กและหุ้นตัวนี้

-NPM เขาลดลงมาก

-Debt เพิ่มขึ้น และเมื่อต้นปีที่ไม่ได้จ่ายปันผลแต่ปันผลเป็นหุ้นแทน  จะมีความเสี่ยงถึงขั้น Finacial costเพิ่มอันเนื่องจากผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นอีกด้วยไหม

จึง concen ว่าถ้ามองที่ระยะ 1-2 ปีนี้ ควร cut ออกเพื่อไปตัวอื่นที่น่าจะมีโอกาสสร้างกำไร/Port ได้ดีกว่านี้ไหม?

 

และหากเป็นเช่นนั้น ควร cut ออกอย่างไรดี หรือมีโอกาส ขยับขึ้น รอหลังน้ำท่วมดี

หรือยังควรถือต่อ....  

ผมขออนุญาตไม่ให้คำแนะนำนะครับ ผมคิดว่าเราควรตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ผมจะให้ความเห็นผมแทนนะครับ

การลงทุนขึ้นอยู่กับมุมมองของเราเป็นหลักครับว่าเรามองว่าจะทำกำไรในหุ้นในระยะไหน

1. ระยะสั้น คือ ไม่เกิน 1 ปี Speculate

2. ระยะกลาง คือ 2-3 ปี Momentum

3. ระยะยาว คือ 5-10 ปี Value Investing

นี่เป็นเหตุผลที่ผมไม่สามารถให้คำแนะนำได้ครับ เพราะแต่ละคนมีเป้าหมายในการลงทุนที่แตกต่างกัน

 

ถ้ามองระยะสั้น ผมก็บอกได้เลยว่าผมเชื่อว่าตอนงบ Q3 ออก น่าจะกำไรต่ำสุดๆ และราคาน่าจะลงได้อีกครับ

 

ถ้ามองระยะกลาง ผมก็คิดว่ายังมีความเสี่ยงเรื่องราคาเหล็กที่ยังลงอยู่ครับ และการขยายสาขา ก็ยังกดดันรายจ่าย และต้องกู้เพิ่ม ทำให้มีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก ไหนจะเสี่ยงเรื่องการเพิ่มทุนอีกครับ

 

ถ้ามองระยะยาว ผมเชื่อว่า dh ยังขยายสาขาได้ทั่วประเทศ ยังโตได้อีกหลายเท่า และสาขาใหม่ๆที่เปิดมานั้นมี GPM 20-22% 

ผมมั่นใจว่าอนาคตเราจะเห็น gpm เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป จะทำให้ผมกำไรหลายเด้งจากหุ้นตัวนี้

 

เห็นไหมครับว่ามุมมองของนักลงทุนที่แตกต่างกัน จึงทำให้เกิดจังหวะการลงทุนที่แตกต่างกันครับ

ดังนั้นตั้งแต่ dh ราคาลงมา ผมซื้อถัวราคามาตลอดจนตอนนี้ต้นทุนประมาณ 15.xx แต่ก็ยังขาดทุนอยู่ดี

แล้วผมก็เตรียมเงินก้อนใหญ่ไว้อีกก้อนหนึ่ง (จากการขายหุ้นตัวอื่น) ไว้เตรียมซื้อตอนงบ Q3 ออกอีกที

ณ ตอนนี้ dh มีสัดส่วนในพอร์ตผมมากกว่า 50% แล้วครับ และผมไม่กังวลใจใดๆเลยที่จะ All-in ถือหุ้น dh 90%-100% ของพอร์ต ตอนที่จะถัวราคาตอนงบ Q3 ออก

ความเข้าใจในธุรกิจ และมองภาพในอนาคต ที่แตกต่างกันส่งผลถึงความมั่นใจในการลงทุนที่แตกต่างกันครับ

ด้วยความหวังดีนะครับ หากคิดว่าอยากจะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น

เราควรค้นหาตัวเองให้เจอครับ ว่าเราเป็นนักลงทุนระยะไหน 1-3 

แล้วใช้เครื่องมือที่เหมาะสม 

คีย์คือ "ความมั่นใจ" ครับ หากเราไม่มั่นใจยากมากที่เราจะตัดสินใจได้ถูกต้องครับ

เพราะจะซื้อเพิ่มก็ไม่กล้า จะ cut ก็ไม่มั่นใจไปหมด

ค้นหาคำตอบให้ได้ครับ ว่าเรา "ไม่มั่นใจ" ในอะไร แล้วหาคำตอบให้เจอครับ 

อย่าอยู่เฉยๆทำให้ความกังวลครอบงำการตัดสินใจของเราครับ

ทุกๆการตัดสินใจบนความ "ไม่มั่นใจ" จะให้ผลลัพธ์ที่เลวร้ายเสมอครับ 😉


   
ReplyQuote
(@aui-kitty)
Active Member
Joined: 2 years ago
Posts: 5
Topic starter  

เห็นภาพค่ะ  ขอบคุณค่ะอาจารย์  


   
ReplyQuote
Share:
Protected by CleanTalk Anti-Spam