อาจารย์ครับ ตอนนี้ผมเห็นหุ้นนิคมปิ่นทอง PE แค่ 6 เอง เทียบกับหุ้นนิคมอื่นอย่าง ROJNA, AMATA, WHA มี PE 12-15
แถมยังโตดีกว่าด้วย Rev ปีนี้โตขึ้น 3 เท่า กำไรสุทธิโตขึ้น 4 เท่า
GPM ก็ดีกว่า หุ้นนิคมอื่น ๆ 40 -45% แต่หุ้น PIN สูงถึง 55% ซึ่งตัวเค้าเองก็มีการอัพราคาขายที่ดินด้วย
แถมตอนนี้ยังโตยังได้ประโยชน์จากการส่งเสริมจากไทยให้วีซ่านักลงทุนต่างชาติ และประโยชน์จากจีนย้ายฐานการผลิตเพราะเรื่อง regulation ซึ่ง PIN คาดว่าจะได้ประโยชน์อยู่อีกสัก 3ปี
ยอดโอนปี 2023 616ไร่ ปี 2024 750ไร่ คิดเป็นการเติบโตอีก 20% ตอนนี้มีที่ดิน on hand อยู่ 900ไร่ ซึ่ง PE ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดูยังไม่ถึง Fair PE ของปีที่แล้วเลย PE ตอนนี้ยังกะหุ้น bank เลย
การเติบโต 2024 - 2028 อยู่ที่ 10% CAGR
ไม่ทราบว่ามุมมองอาจารย์คิดว่ายังไงบ้างครับ buy idea ผมไหมครับ5555 คิดว่ามันถูกเกินกว่าที่ควรเป็นไหมครับ
แล้วก็ยังมีส่วนขยาย PIN5 อีก 1,150ไร่ ที่จะขายได้ต้นปี 2025 นอกจากนี้ปี 2024 ก็เก็บที่เพิ่ม 2,500 ไร่ เพื่อให้พอปี 2026 2027(นิคมใช้เวลาสร้าง 2 ปี)
แล้วไม่มีแผนการเพิ่มทุนเลย
*แก้ไขครับ ปี 2024 เก็บพื้นที่เพิ่มจากที่มีอยู่ 8,500ไร่ เพิ่มมาเป็น 10,000ไร่ (เพิ่มมา 1,500ไร่)
อาจารย์ครับ ตอนนี้ผมเห็นหุ้นนิคมปิ่นทอง PE แค่ 6 เอง เทียบกับหุ้นนิคมอื่นอย่าง ROJNA, AMATA, WHA มี PE 12-15
แถมยังโตดีกว่าด้วย Rev ปีนี้โตขึ้น 3 เท่า กำไรสุทธิโตขึ้น 4 เท่า
GPM ก็ดีกว่า หุ้นนิคมอื่น ๆ 40 -45% แต่หุ้น PIN สูงถึง 55% ซึ่งตัวเค้าเองก็มีการอัพราคาขายที่ดินด้วย
แถมตอนนี้ยังโตยังได้ประโยชน์จากการส่งเสริมจากไทยให้วีซ่านักลงทุนต่างชาติ และประโยชน์จากจีนย้ายฐานการผลิตเพราะเรื่อง regulation ซึ่ง PIN คาดว่าจะได้ประโยชน์อยู่อีกสัก 3ปี
ยอดโอนปี 2023 616ไร่ ปี 2024 750ไร่ คิดเป็นการเติบโตอีก 20% ตอนนี้มีที่ดิน on hand อยู่ 900ไร่ ซึ่ง PE ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดูยังไม่ถึง Fair PE ของปีที่แล้วเลย PE ตอนนี้ยังกะหุ้น bank เลย
การเติบโต 2024 - 2028 อยู่ที่ 10% CAGR
ไม่ทราบว่ามุมมองอาจารย์คิดว่ายังไงบ้างครับ buy idea ผมไหมครับ5555 คิดว่ามันถูกเกินกว่าที่ควรเป็นไหมครับ
ออกตัวก่อนนะครับว่า กลุ่มนิคมฯ อาจไม่ได้อยู่ใน list ผมๆเลยไม่ได้แกะลึกๆนะครับ แต่คิดว่าพอจะเห็นประเด็นที่ทำให้ p/e ต่างกันครับ
หุ้นกลุ่มนี้ตลาดจะให้ p/e แบบ Sum of the parts ครับ ซึ่งนิคมส่วนใหญ่จะมีรายได้ 2 ส่วน
1. ขายที่ดิน
2. ขาย Utilities พวกไฟฟ้า, ประปา เป็นหลัก
ซึ่งหลายๆนิคมฯที่ทำธุรกิจมานานๆแล้วมักมีสัดส่วนรายได้ส่วนที่ 2 เยอะกันครับ เช่น 40-50% เช่น AMATA, WHA ไรงี้
ซึ่งแน่นอนว่า ข้อ 2 เป็นรายได้แบบ Recurring ก็ย่อมได้ P/E สูงกว่าข้อ 1 ใช่มะครับ ทีนี้ลองมาทำ Sum of the parts กันคร่าวๆดูนะครับ
สมมุติว่า นิคม A มีสัดส่วนรายได้ 1:2 = 50:50 ครึ่งๆเลย
ให้ข้อ 1 Fair P/E เท่ากับพวกขายบ้าน P/E 6x
ข้อ 2 Fair P/E สัก 15x เนื่องจากเป็น B2B แต่เป็นสินค้าจำเป็นและ Recurring มากๆ
Sum of the Parts Fair P/E = (6 x 0.5) + (15 x 0.5) = 3 + 7.5 = 10.5
ทีนี้ก็ควรลงไปดูว่า PIN มีสัดส่วนรายได้ 1:2 เป็นยังไง ประกอบการพิจารณานะครับ 😉
@prapas-b88 อ่อใช่ ลืมนึกถึง sum of the parts ส่วน recurring กับ non-recurring ไปเลยครับ
ลองคำนวณดูแล้ว นิคม PIN non-recurring 86.8% กับ recurring 8.1% (ที่เหลืออีก 5.1% เป็น property fund กับกองreit)
Sum of the Parts Fair P/E = (6 x 0.868) + (15 x 0.081) = 5.2 + 1.2 = 6.3 เท่ากับ PE ตอนนี้เลยครับ 6.38
คิดถูกจริง ๆ ครับ ส่งหุ้นมาให้อาจารย์ QC ก่อน 5555 ไว้จะเอาวิธีนี้ไปใช้ แล้วหาหุ้นมาขายอาจารย์อีกนะครับ 55555
@prapas-b88 อ่อใช่ ลืมนึกถึง sum of the parts ส่วน recurring กับ non-recurring ไปเลยครับ
ลองคำนวณดูแล้ว นิคม PIN non-recurring 86.8% กับ recurring 8.1% (ที่เหลืออีก 5.1% เป็น property fund กับกองreit)
Sum of the Parts Fair P/E = (6 x 0.868) + (15 x 0.081) = 5.2 + 1.2 = 6.3 เท่ากับ PE ตอนนี้เลยครับ 6.38
คิดถูกจริง ๆ ครับ ส่งหุ้นมาให้อาจารย์ QC ก่อน 5555 ไว้จะเอาวิธีนี้ไปใช้ แล้วหาหุ้นมาขายอาจารย์อีกนะครับ 55555
ยินดีคร้าบ เอ้อ นั่นแหละครับ ไอเดียหุ้นนิคมฯมันก็มีแค่ประมาณนี้แหละครับ 😉