Hot Topic! โบนัสสุกี้ vs ตี๋น้อย ศึกนี้ MK ชนะแน่? 3 วันหุ้น +17% | Hot Topic EP.20
โบนัสสุกี้ vs ตี๋น้อย ศึกนี้ MK ชนะแน่? 3 วันหุ้น +17%
ตลาดสุกี้บุฟเฟต์ของไทยกำลังลุกเป็นไฟ เมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง MK Suki (หุ้น M) ตัดสินใจส่งแบรนด์ใหม่ “โบนัส สุกี้” (BONUS SUKI) ลงสนามท้าชนเจ้าตลาดอย่าง “ตี๋น้อย” โดยตรง การเคลื่อนไหวครั้งนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่น่าจับตา และตลาดหุ้นก็ตอบรับเชิงบวกทันที โดยราคาหุ้น M ปรับตัวขึ้นถึง 17% ใน 3 วัน สะท้อนความเชื่อมั่นว่าเกมนี้จะเป็นผลดีต่อบริษัทในระยะยาว
วิเคราะห์ก้าวแรกของ MK ในตลาดสุกี้บุฟเฟต์ สู่แบรนด์ใหม่ “โบนัส สุกี้“
ก่อนจะมาเป็น “โบนัส สุกี้” ทาง MK ได้ทดลองทำโปรโมชันบุฟเฟต์ในร้าน MK Suki หลักมาก่อน ซึ่งได้รับเสียงตอบรับทั้งดีและไม่ดี
- ข้อดี ลูกค้าบางกลุ่มรู้สึกคุ้มค่ามากที่ได้ทาน MK ในราคาประมาณ 300 บาท (จากปกติ 500-800 บาท)
- ข้อเสีย เมนูเด่นอย่าง “เป็ดย่าง” ไม่ได้รวมอยู่ในบุฟเฟต์ และการปรับเปลี่ยนนี้อาจกระทบ “คุณค่าหลัก” (Core Value) และภาพลักษณ์ของแบรนด์ MK ที่ลูกค้าดั้งเดิมคุ้นเคย
ในมุมมองของอาจารย์ประพาส การทดลองครั้งนั้นคือการ “ทำการบ้าน” เพื่อเก็บข้อมูลสำคัญ ทั้งต้นทุน กำไร และพฤติกรรมลูกค้า ซึ่งด้วยความได้เปรียบด้านการสั่งซื้อวัตถุดิบจำนวนมหาศาล ทำให้เชื่อได้ว่าการเปิดตัว “โบนัส สุกี้” ถูกคำนวณมาแล้วว่ามีโอกาสทำกำไรได้ตั้งแต่ต้น
เปิดศึกสงครามราคา เมื่อ โบนัส สุกี้ ท้าชน สุกี้ตี๋น้อย ⚔️
สงครามราคาเริ่มต้นขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อ “โบนัส สุกี้” เปิดตัวด้วยราคา 219 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับ “ตี๋น้อย” ที่เพิ่งปรับราคาลงมาเหลือ 199 บาท
การแยกแบรนด์บุฟเฟต์ออกมาต่างหาก ถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เพราะช่วยให้แบรนด์ MK Suki หลัก สามารถกลับไปยืนในจุดเดิม คือการเป็นร้านอาหารพรีเมียมแมส (Premium Mass) ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยไม่ต้องกังวลว่าภาพลักษณ์จะเสียหาย
กลยุทธ์การตลาดเหนือราคา ทำไมการเข้าใจ ‘Pain Point’ จึงสำคัญกับธุรกิจร้านอาหาร 💡
แม้ราคาจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่หัวใจของการแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูกกว่า แต่อยู่ที่ว่า “ใครเข้าใจ Pain Point ของลูกค้าได้ลึกซึ้งกว่ากัน” ซึ่งมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจหลายเรื่องมาสนับสนุนแนวคิดนี้
- เรื่องขวดน้ำหอม ผู้ขายชาวไทยชนะคู่แข่งจีนที่ขายถูกกว่า ด้วยการแถม “กรวยเล็กๆ” ให้ลูกค้าที่ซื้อขวดไปแบ่งแอลกอฮอล์ช่วงโควิด เพราะเข้าใจว่าลูกค้าต้องการความสะดวกในการกรอก
- เรื่อง GoPro ร้านที่ขาย GoPro แพงกว่า แต่ขายดีกว่ามาก เพราะจัดชุด “Bundle” รวมอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น (แบตสำรอง, กระเป๋า, ไม้เซลฟี่) มาให้ครบ ลูกค้าขี้เกียจไปหาซื้อแยกเอง
- เรื่องบอร์ดเกม ลูกค้ายอมจ่ายแพงขึ้นเล็กน้อย เพื่อซื้อเกมจากร้านที่แถม “ซองใส่การ์ด” ขนาดพอดีมาให้ เพราะเข้าใจว่าคนเล่นเกมต้องการรักษาสภาพการ์ด
บทเรียนคือ ลูกค้าไม่ได้เลือกของที่ถูกที่สุดเสมอไป แต่เลือกจากประสบการณ์ คุณค่า และการแก้ปัญหาที่ตรงจุด
วิเคราะห์ความได้เปรียบของตี๋น้อย กลยุทธ์มัดใจลูกค้าสุกี้บุฟเฟต์
แม้ MK จะมีต้นทุนวัตถุดิบที่ดีกว่า แต่ ตี๋น้อย มีความได้เปรียบมหาศาลในด้าน “ประสบการณ์และความเข้าใจลูกค้า” ในตลาดแมสที่สั่งสมมานาน
จุดเด่นที่สุดที่สะท้อนความเข้าใจนี้ คือนโยบาย “อนุญาตให้นำน้ำจิ้มอื่นเข้ามาได้เลย” ตี๋น้อยถึงกับเอ่ยชื่อแบรนด์คู่แข่งอย่าง MK, บาร์บีก้อน, และพันท้าย ซึ่งเป็นการแสดงความใจกว้าง และเข้าใจว่าลูกค้าต่างมี “น้ำจิ้มในดวงใจ” การกระทำนี้ไม่เพียงสร้างความพอใจให้ลูกค้า แต่ยังช่วยประหยัดต้นทุนน้ำจิ้มของร้านได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การที่ตี๋น้อยมีลูกค้ารอคิวแน่นร้านตลอดเวลา ช่วยให้ต้นทุนคงที่ต่อหัว (โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร หรือ SG&A) ต่ำมาก ทำให้มีช่องว่างในการแข่งขันด้านราคาสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ใหม่อย่าง “โบนัส สุกี้” ต้องใช้เวลาสร้าง
โอกาสและความท้าทายของ MK กับแบรนด์ โบนัส สุกี้ ในสมรภูมิบุฟเฟต์
“โบนัส สุกี้” ยังต้องใช้เวลา “ลองผิดลองถูก” อีกมากเพื่อทำความเข้าใจลูกค้ากลุ่มบุฟเฟต์ ซึ่งมีความต้องการต่างจากลูกค้า MK ดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง (เช่น ลูกค้าบุฟเฟต์เน้นโปรตีน/เนื้อสัตว์เป็นหลัก) การรีบขยายสาขาโดยที่ยังแก้ปัญหาหลักไม่ตก อาจเสี่ยงต่อความล้มเหลว
อย่างไรก็ตาม MK มีอาวุธสำคัญคือ “เงินทุนมหาศาล” ด้วยเงินสดในมือกว่า 7,000 ล้านบาท เปรียบเสมือน “กระสุนปืนยักษ์” ที่พร้อมจะขยายสาขาประกบตี๋น้อยได้ทันที หาก “โบนัส สุกี้” สามารถหาจุดลงตัวและแก้ไข Pain Point ของลูกค้าได้สำเร็จ
บทสรุปสงครามสุกี้ และมุมมองนักลงทุนต่ออนาคตหุ้น M 💰
สงครามครั้งนี้เพิ่งเริ่มต้น และยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินผู้ชนะ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ตลาดร้านอาหารกำลังจะถูกขับเคลื่อนโดยผู้เล่นรายใหญ่ ที่แข่งขันกันด้วยปริมาณและต้นทุน ซึ่งรายย่อย (SME) จะแข่งขันได้ยากขึ้น
ในมุมมองของนักลงทุน (หุ้น M)
- ความเสี่ยงจำกัด ตราบใดที่ “โบนัส สุกี้” ยังเป็นการทดลองในไม่กี่สาขา ความเสียหายต่อภาพรวมของ MK ซึ่งมีแบรนด์อื่นในเครือ (เช่น ยาโยอิ) ยังมีจำกัด
- ความเสี่ยงที่ต้องจับตา จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ MK ตัดสินใจขยายสาขา “โบนัส สุกี้” อย่างจริงจัง และสงครามราคาทวีความรุนแรงขึ้น
บทสรุปที่ดีที่สุดคือ การจะลงทุนในธุรกิจใดก็ตาม ต้องอาศัยข้อมูลจากการลงพื้นที่จริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขในอดีต สงครามสุกี้ครั้งนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญของกลยุทธ์การปรับตัวและความเข้าใจผู้บริโภคในยุคที่ตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

