สวัสดีครับอาจารย์ผมมีข้อสงสัยนิดนึงเรื่องการใช้ NPM ใน Template ในเคสพิเศษครับ
Note: ใน Template เทียบ NPM แต่ละปีโดย NPM= กำไร ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทคือไม่รวมส่วนที่ไม่มีอำนาจควบคุม/รายได้รวม (ของบริษัทใหญ่และย่อยทั้งก้อน)
ผมขอสมมุติดังนี้ครับ
ปีที่ 1
เดิมทีบริษัท A ซื้อหุ้นบริษัท B 90 % มีกำไรสุทธิในงบรวม 50บาท (ถ้านับแค่กำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้ 40บาท) และมีรายได้รวม (งบรวม) = 100
อัตรากำไรสุทธิภาพรวม = 50/100 = 50%
อัตรากำไรสุทธิตาม Template อาจารย์ = 40/100 =40%
ปีที่ 2
ปีนี้บังเอิญบริษัทAขายหุ้นที่ถือบริษัท B ออกไป 30% เหลือถืออยู่ 60%
มีกำไรสุทธิในงบรวมในงบรวม 60 บาท (ถ้ากำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 30 บาท มีค่าน้อยลงเพราะขายหุ้นออกไป-ตัวเลขนี้สมมุติคร่าวๆเท่านั้น) และมีรายได้รวมเท่าเดิม (งบรวม) = 100
อัตรากำไรสุทธิภาพรวม = 60/100 = 60%
อัตรากำไรสุทธิตาม Template อาจารย์ = 30/100 =30%
จากตัวอย่างนี้ จริงๆแล้วบริษัททำอัตรากำไรได้ดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่พอมาคิด "ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท" มันลดลง ซึ่งไม่ใช่เพราะผลประกอบการแต่ลดลงเพราะการถือสัดส่วนหุ้นที่ลดลงในขณะที่ใช้รายได้รวมเป็นตัวหาร
ดังนั้นการใช้ NPM ใน template ต้องระวังจุดนี้ด้วย ผมเข้าใจถูกมั้ยครับอาจารย์?? เพราะอัตรากำไรไม่ได้ลดลงเพราะคุณภาพ แต่แค่มีสัดส่วนน้อยลงในบริษัทที่เราลงทุน
สวัสดีครับอาจารย์ผมมีข้อสงสัยนิดนึงเรื่องการใช้ NPM ใน Template ในเคสพิเศษครับ
Note: ใน Template เทียบ NPM แต่ละปีโดย NPM= กำไร ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทคือไม่รวมส่วนที่ไม่มีอำนาจควบคุม/รายได้รวม (ของบริษัทใหญ่และย่อยทั้งก้อน)
ผมขอสมมุติดังนี้ครับ
ปีที่ 1
เดิมทีบริษัท A ซื้อหุ้นบริษัท B 90 % มีกำไรสุทธิในงบรวม 50บาท (ถ้านับแค่กำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้ 40บาท) และมีรายได้รวม (งบรวม) = 100
อัตรากำไรสุทธิภาพรวม = 50/100 = 50%
อัตรากำไรสุทธิตาม Template อาจารย์ = 40/100 =40%
ปีที่ 2
ปีนี้บังเอิญบริษัทAขายหุ้นที่ถือบริษัท B ออกไป 30% เหลือถืออยู่ 60%
มีกำไรสุทธิในงบรวมในงบรวม 60 บาท (ถ้ากำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 30 บาท มีค่าน้อยลงเพราะขายหุ้นออกไป-ตัวเลขนี้สมมุติคร่าวๆเท่านั้น) และมีรายได้รวมเท่าเดิม (งบรวม) = 100
อัตรากำไรสุทธิภาพรวม = 60/100 = 60%
อัตรากำไรสุทธิตาม Template อาจารย์ = 30/100 =30%
จากตัวอย่างนี้ จริงๆแล้วบริษัททำอัตรากำไรได้ดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่พอมาคิด "ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท" มันลดลง ซึ่งไม่ใช่เพราะผลประกอบการแต่ลดลงเพราะการถือสัดส่วนหุ้นที่ลดลงในขณะที่ใช้รายได้รวมเป็นตัวหาร
ดังนั้นการใช้ NPM ใน template ต้องระวังจุดนี้ด้วย ผมเข้าใจถูกมั้ยครับอาจารย์?? เพราะอัตรากำไรไม่ได้ลดลงเพราะคุณภาพ แต่แค่มีสัดส่วนน้อยลงในบริษัทที่เราลงทุน
ช่างสังเกตมากๆครับ ถูกต้องเลยครับ ตามปกติคงน้อยบริษัทที่จะมีเหตุการณ์แบบนั้นบ่อยครั้ง แต่แน่นอนว่าเราต้อง find out ความจริงอยู่เสมอครับ 😉
ขอบคุณครับอาจารย์