Forum

Notifications
Clear all

ส่งการบ้านรุ่น 4 !!!

Page 2 / 3

(@thichakorn-jittawuttipoka)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 

คาดหวังผล 15% ต่อปี
1. CPALL  MOS 43%
ค้าปลีก Convenience store เก็บเงินสด ลูกหรี้น้อย เจ้าหนี้มาก ยอดขายโตตลอด มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และยอดขายของสาขาเดิมไม่ลดลง ในอนาคตหลังจากใช้หนี้หมดจะสามารถรับรู้รายได้ของ Lotus

2. CENTEL  MOS 34%
Q3 EBITDA เป็นบวก สัดส่วนรร. 40% ต่ออาหาร 60% บาลานซ์กำลังดี อนาคตมีการเพิ่มจำนวณห้องพัก โดยรับบริหาร แบ่งรายได้ ไม่ต้องลงทุนเพิ่มทำให้เพิ่มจำนวนห้องพักได้

3. S11  MOS 38%
เช่าซื้อมอเตอร์ไซค์มือ1 ดีลกับร้านค้าหรือ dealer มอเตอร์ไซค์ ตลาดไม่ใหญ่ เป็นตลาดที่อิ่มตัวแล้ว แต่บริษัทยังมีความสามารถในการแย่งส่วนแบ่งการตลาดและเติบโตได้ และเพราะตลาดค่อนข้างอิ่มตัวแล้วจึงยังกันผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาด

4. SF  MOS 43%
Mega bangna กำไรเยอะมากๆ และ discount เยอะ

5. MTC MOS 26%
เป็น service ขยายสาขาง่ายไม่ต้องลงทุนเยอะ ขยายสาขาได้เกินเป้า ตั้งเป้า 4700 สาขาในปีนี้ แต่คาดว่าสิ้นปีจะได้ 5000สาขา คุมหนี้ได้ดี มี NPL 1% เท่านั้น สาขารักษารายได้ต่อสาขาได้ดีถึงแม้จะมีการขนายสาขา คุมต้นทุนได้ดี มีผลิตภัณ์ใหม่ๆ เช่น สินเชื่อมอเตอร์ไซส์มือ 1 ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตดี ในอนาคตจะมีการขอเครดิตทางการเงินเพิ่ม ทำให้ได้ดอกเบี้ยลดลง ป้องกันผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด ดีต่อผู้ถือหุ้น

เก๋ (ธิชากร)


   
ReplyQuote
(@nutchakulab)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 

1.เป้าหมาย 15-20%

2.หุ้นที่เลือก

CPALL mos30% 

-เป็นหุ้นแข็งแกร่ง เป็นผู้นำแต่เพียงผู้เดียวในธุรกิจ และมีเครื่องยนต์เพิ่มมาอีกคือ Makro และ Lotus ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เป็นหุ้นที่มีอนาคตดี เหมาะถือยาว ผู้บริหารเก่งและมีธรรมาภิบาล

DCC mos50%

-เป็นหุ้นโตช้า มียอดขาย กำไรและmarket share เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการเพิ่ม model ธุรกิจเป็นการแบ่งพื้นที่ให้เช่า ซึ่งทำให้กำไรเพิ่มขึ้นชัดเจน

CENTEL mos49%

-ในช่วงโควิดยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจร้านอาหารขยายเป็นขนาดเล็ก อยู่นอกห้าง เพื่อให้ค่าเช่าถูกลง เน้นdelivery ธุรกิจโรงแรมเปิดใหม่ 9แห่ง 2500ห้อง ซึ่งอยู่ต่างประเทศทั้งหมด 

คุณเก๋(ณัชชา)

This post was modified 3 years ago by ณัชชา เลิศนำไพศาล

   
ReplyQuote
(@babybossy18)
Active Member
Joined: 3 years ago
Posts: 11
 
  1. เป้าหมายต่อปี

ตอบ 15%/year

2.หุ้นที่เลือก

ตอบ 1.CPALL(60%) , 2. CPN(20%) , 3. CENTEL (20%)

3.MOS

ตอบ CPALL (MOS 33% ) , CPN(MOS 30% ), CENTEL (MOS 32% )

4.เหตุผลเชิงคุณภาพ

1) CPALL(60%)

เป็นหุ้นแข็งแกร่งในตำนานอยู่แล้ว ทั้ง 5 force model แทบจะไร้เทียมทาน จากที่ อจ ประพาสพูดบ่อยๆ คงไม่ต้องย้ำกัน อีกทั้งแผนในอนาคตยังมีสิทธิ์ในการขยายจาก makro ในต่างประเทศ และ lotus ที่พึ่งได้มา ทำให้คิดว่าเป็นหุ้นแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตได้ปีละ 15% ได้ไม่ยากครับ

2) CPN(20%)

เป็นหุ้นแข็งแกร่งมากๆ ตัวนึงที่ผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง แต่ก็ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยทางคุณภาพ

-เป็นธุรกิจบริการให้เช่าพื้นที่ (service), สินค้าคือ พื้นที่ (FMCG)

-ลูกค้าเป็น B2c มี engine ในการเติบโตหลัก 3 อย่างคือ 1)ห้าง 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3) ธุรกิจศูนย์อาหาร ทั้ง 3 อย่างมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะศูนย์อาหาร ลักษณะรายได้เป็น cash และ recurring

-ช่องทางการขายมี network ชัดเจนทั้ง online และ offline โดย network ก็เป็นของตัวธุรกิจเองด้วย(own)

-ขนาดตลาดเป็นตลาดขนาดใหญ่ (> 100000 mb), เติบโตกลางๆ, มี market share 20% เจ้านวนคู่แข่งใหญ่ๆก็มีน้อย หลักๆ SF, the mall , robinson

-วิเคราะห์ตาม five force model

-1.อำนาจการต่อรองจากลูกค้า ส่วนตัวคิดว่าลูกค้ากดดันธุรกิจได้น้อย เพราะจำนวนลูกค้าที่ต้องการเช่าที่เป็นจำนวนมาก สัญญาเช่าจากลูกค้า 1 รายนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้โดยรวมของธุรกิจ และลูกค้าก็มี switching cost สูงด้วยในการผิดสัญญาเช่า

-2. อำนาจต่อรองจาก supplier  ส่วนตัวคิดว่า supplier กดดันธุรกิจได้ต่ำเพราะ จำนวนที่ดินที่ cpn พัฒนาก็มีเยอะ , ขนาดของ supplier ก็เล็กมากเมื่อเทียบกับ cpn, switching cost ?และสินค้าทดแทน ?

-3.ภัยจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม จำนวนคู่แข่งที่เป็นห้างสรรพสินค้าเหมือนก็มี the mall , robinson , sf โดยขนาดคู่แข่งเมื่อเทียบกับ cpn ยังถือว่าเล็กกว่าระดับหนึ่ง ส่วนตลาดเป็นตลาดขนาดใหญ่ เติบโตปีละ 2-3 % ถ้าไม่มีภาวะวิกฤติ โดยส่วนตัวคิดว่า ภัยจากการแข่งขันสามารถกดดันได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่มากเท่าที่ควร เพราะ cpn ก็ยังถือว่าเป็น market share ต้นๆของตลาดศูนย์การค้า

-4.ภัยจากสินค้าทดแทน ถ้าพูดถึงเรื่อง disruption  คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าห้างน่าจะโดน disrupt จากค้าขาย online , food delivery เพราะถูกกว่า สะดวกกว่า แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวจากที่เป็นวัยรุ่นไทย และอยู่ในยุคนี้ รู้สึกว่าเมืองไทย มันอากาศร้อน คนส่วนใหญ่ก็ยังนิยมเดินห้างอยู่ดี แต่อาจจะไม่ได้เน้นไปที่ซื้อของ แต่เน้นไปที่การนัดเพื่อนๆ พบปะสังสรรค์ ออกกำลังกาย fitness ดูหนัง เพราะคิดว่ายังไงมนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคมก็คงอยากมาพบกันอยู่ดี ซึ่งสถานที่ส่วนใหญ่ที่นัดเจอกันก็คือห้าง ก็เลยคิดว่ายังไงห้างก็ยังมีคนเดินอยู่ดี และจาก cpn ที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับยุคโดยการ ทำตัวเองให้เป็น lifestyle center มีอาหาร ร้านกาแฟเยอะ ฟิตเนส โรงหนัง ก็ถือว่าน่าจะมาถูกทาง ผมเลยไม่ค่อยคิดว่าจะโดน disrupt ได้ง่ายขนาดนั้น เพราสิ่งที่ cpn ขายคือ experiences มากกว่า สินค้าครับ

  1. ภัยจากคู่แข่งรายใหม่ คิดว่าโดนกดดันจากเรื่องนี้ได้น้อย เพราะ ธุรกิจนี้ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ ต้องใช้ประสบการณ์สูง และคนส่วนใหญ่ก็ติด brand cpn นโยบายรัฐก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไรชัดเจน และจากที่สาขาเยอะ น่าจะมี economy of scale อยู่ เลยคิดว่า cpn ไม่น่าจะโดนกดดันจากภัยนี้ครับ

จากที่วิเคราะห์คิดว่า cpn เป็นหุ้นที่แข็งแกร่ง และจากแผนการขยายงานของเขาที่มี 3 engine ทั้งห้างที่กำลังจะเปิดใหม่ 3 ห้างในอีก 2 ปี , โครงการอสังหาริมทรัพย์ และ food center ที่รายได้โตขึ้นเรื่อยๆ ก็ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีคุณภาพดีครับ แต่ช่วง covid นี้อาจโดนเรื่องจำนวนนักท่องบเที่ยวที่ลดลงกดดันรายได้เนื่องจากบางห้างยังต้องอาศัยนักท่องเที่ยวอยู่ จึงเป็นธุรกิจที่อ่อนไหวต่อการเมืองและการท่องเที่ยวะพอสมควร

 

3) CENTEL(20%)

-เป็นธุรกิจบริการโรงแรม และอาหาร (service), สินค้าคือ ห้องพักให้เช่า และ อาหาร(FMCG)

-ลูกค้าเป็น B2c มี engine ในการเติบโตหลัก 2 อย่างคือ 1)โรงแรม (สัดส่วนรายได้ 40%) 2) ธุรกิจอาหาร(สัดส่วนรายได้ 57.6%) โดยธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพราะมีการขยาย pipeline ห้องพัก จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 7000 ห้อง แล้วจะขยายเพิ่มอีก 9238 ห้องภายในปี 2024 โดยเป็นรับ managed หมดเลยทำให้น่าจะมีรายได้ลงมาที่กำไรเยอะ เพราะต้นทุนค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเป็นเจ้าของห้องเอง แต่นส่วนของอาหาร sssg และ tssg ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ การเติบโตหลักๆในอนาคตน่าจะเป็นจากโรงแรมมากกว่า ลักษณะรายได้เป็น cash และ recurring

-ช่องทางการขายมี network ชัดเจนทั้ง online และ offline โดย network ก็เป็นของตัวธุรกิจเองด้วย(own)

-ขนาดตลาดเป็นตลาดขนาดใหญ่ (> 100000 mb), ท่องเที่ยวถ้าไม่นับวิกฤต covid -19 น่าจะเติบโตประมาณปีละ 8-10% ใน 5 -10 ปี ได้ ส่วนตลาดอาหารคาดการณ์จะโต 2.6%, มี market share 38%ของตลาดอาหาร เจ้านวนคู่แข่งใหญ่ๆก็มีน้อย หลักๆ mint แต่ถ้าในตลาดอาหารอาจมีเจ้าอื่นด้วย เช่น mint , m , crg , zen , oishi, ส่วนมูล่าทางตลาดของ centel กลางๆ (30000 mb)

-วิเคราะห์ตาม five force model

-1.อำนาจการต่อรองจากลูกค้า ส่วนตัวคิดว่าลูกค้ากดดันธุรกิจได้น้อย เพราะจำนวนลูกค้าที่ต้องการพักโรงแรมหรือซื้ออาหารมีมาก สัดส่วนรายได้จากลูกค้า 1 รายนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้โดยรวมของธุรกิจ แม้ลูกค้าจะมี switching cost ต่ำก็ตาม

-2. อำนาจต่อรองจาก supplier  ส่วนตัวคิดว่า supplier กดดันธุรกิจได้ต่ำเพราะ จำนวน supplier ของธุรกิจอาหารและโรงแรมของ centel มีเยอะ , ขนาดของ supplier ก็เล็กมากเมื่อเทียบกับ centel, switching cost และสินค้าทดแทนน้อย

-3.ภัยจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม กดดันได้พอสมควรเพราะคู่แข่งในตลาดอาหารมีจำนวนมาก ส่วนตลาดท่องเที่ยวคู่แข่งรายใหญ่มีปานกลาง ส่วนตลาดอาหาร(เติบโตปีละ 2-3 %)และท่องเที่ยว(เติบโตปีละ10 % ถ้าไม่มีภาวะวิกฤติ)เป็นตลาดขนาดใหญ่ โดยส่วนตัวคิดว่า ภัยจากการแข่งขันสามารถกดดันได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่มากเท่าที่ควร เพราะ centel ก็ยังถือว่าเป็น market share ต้นๆของตลาดอาหารและท่องเที่ยว อีกทั้งยังกระจายความเสี่ยงใน 2 ธุรกิจนี้ได้ดีด้วยโดยดูจากสัดส่วนรายได้

-4.ภัยจากสินค้าทดแทน โดยส่วนตัวคิดว่าภัยนี้กดดันได้น้อย เพราะว่า อาหาร และการท่องเที่ยว เป็นสิ่งคนขาดไม่ได้ ไม่คิดว่าจะมีอะไรมาทดแทนได้ อีกทั้งการ disrupt จาก food delivery ยังเป็นการเพิ่มช่องทางขายให้ centel chain อีกด้วย

  1. ภัยจากคู่แข่งรายใหม่ คิดว่าโดนกดดันจากเรื่องนี้ได้น้อย เพราะ ธุรกิจนี้ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ ต้องใช้ประสบการณ์สูง และคนส่วนใหญ่ก็ติด brand centel มาก นโยบายรัฐก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไรชัดเจน และจากที่สาขาเยอะ น่าจะมี economy of scale อยู่ เลยคิดว่า centel ไม่น่าจะโดนกดดันจากภัยนี้ครับ

จากที่วิเคราะห์คิดว่า centel เป็นหุ้นที่แข็งแกร่ง และจากแผนการขยายงานของเขาที่มีการกระจายสัดส่วนรายได้ไปโรงแรม 40% food 60% คิดว่าว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงของรายได้ได้ดี อีกทั้งยังมี story การเติบโตที่น่าสนใจในอีก 5 ปีข้างหน้าที่จะเพิ่ม pipeline รับ management โรงแรมอีก 9200 ห้อง รายได้และกำไรน่าจะเติบโตได้มากหลังจากผ่านวิกฤต covid-19 ไป เพราะต้นทุนที่ใช้ในการขยายจำนวนห้องก็ต่ำ อีกทั้งโรงแรมที่เป็นเจ้าของอยู่เดิมก็มี occupancy rate ที่ดี(70-80%) จึงแอบเทใจให้ครับ อจ แต่ในช่วง 1-2 ปีนี้ราคาหุ้นน่าจะโดนกดดันจาก covid-19 อยู่ครับ

 

  1. บอส ธนกร

   
ReplyQuote
(@dejpont-lohana)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 

 เป้าหมาย   10-15% ต่อปี

เลือกหุ้น   SCC, ADVANC, DCC, CPALL, CENTEL, K-BANK

SCC     MOS  40%  เป็นหุ้นโตช้า  มั่นคงแต่ราคาหุ้นแพงครับ  ไม่มี Opp day

มีธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่

  ซีเมนต์และก่อสร้าง  38%, โดยมีธุรกิจอยู่ทั้งในไทยและอินโดนีเซีย รวมถึงทำ logistics ที่ท่าเรือเพื่อการขนส่งสินค้า

  Chemical ( olefin) 40%  มีธุรกิจทั้งในไทยและอินโดนีเซีย และโรงงานที่มาบตาพุดจะเสร็จในQ2 ปี 64 รวมถึงมีการวิจัยและพัฒนาเพื่อความก้าวหน้าต่อไป

  Packaging 20%  มีบริษัททั้งในไทยและอินโดนีเซีย ในต่างประเทศ ส่วนมากเป็นหุ้นส่วนใหญ่ด้วย (แตกเป็นบริษัทย่อย SCGP แล้ว

บริษัทถือหุ้นทั้งในบริษัทไทยและ อาเซียนจำนวนมาก ถึง 311 บริษัท และมีการพัฒนา การเชื่อมต่อกับลูกค้าทั้งแบบ online และ  offline ด้วย

ADVANC   MOS 23%(ประมาณครับ) เป็นหุ้นโตช้าและคาดว่าน่าจะเติบโตในช่วง 5 ปีข้างหน้า

              ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร  โดยมี market share ประมาณ 50%  ในเรื่องเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ เป็นรายได้หลักของบริษัทประมาณ 70%  ซึ่งข้อมูลจาก Opp day   เน้นเกี่ยวกับเรื่อง 5G ว่าน่าจะมีการเติบโตได้ดี โดยในปี63 คาดว่าจะมีลูกค้า 1 แสนรายซี่งตัวขับเคลื่อนส่วนหนึ่งเป็นจากอุปกรณ์ด้วย คือ  I PHONE 12

              นอกจากนั้นในช่วง COVID ตั้งแต่Q2  ทำให้ตลาด internet broadband  ดีขึ้นด้วย โดย ช่วง WFH มีผู้ใช้ แสนราย และใน Q3  เพิ่มอีก 53000 ราย โดยที่ทางบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 7% และมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นได้อีก

              ส่วนที่ 3 เป็นในเรื่องของ DATA service  ที่สร้างรายได้ประมาณ 10% โดย 70% มาจากลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์มือถือ  โดยที่ตลาด 5G จะยิ่งทำให้การเข้าใช้เรื่องนี้สูงขึ้นอีก

DCC    MOS 40-50%   หุ้นโตช้าและวัฏจักร (ไม่มี OPP day)

              เป็นหุ้นเกี่ยวกับceramic และวัสดุก่อสร้าง จาก LIVE ของ อจ ประพาส  มี M. share 40% ซึ่งสูงมากเป็นอันดับ 2 รองจาก SCC  โดยสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง และปันผลสม่ำเสมอ ส่วนคู่แข่งต่างชาติก็มีต้นทุนที่สูงกว่า DCC คาดว่าจากการขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมาก

CPALL  MOS 30%  เป็นหุ้นแข็งแกร่ง

              ทำธุรกิจขายปลีก 7-11 ที่แม้มีเปอร์เซ็นต์กำไรต่ำแต่ก็เติบโตขึ้นตลอด

              มีการขยายธุรกิจโดยซื้อ MACRO  และ LOTUS เข้ามาเสริมพลัง

              สำหรับ 7-11 มีแผนขยายสาขาในปีนี้ 700 สาขา นอกจากนั้นมีการพัฒนารูปแบบการบริการโดยมีการทำระบบ Delivery และ  24 hour shopping online ได้เข้ากับกลยุทธ์  New Convenience  นอกจากนั้นมีการพัฒนาสินค้าให้มีทั้งกาแฟสด  อาหารเมนูใหม่ๆ เช่น Pizza café ,ผลิตภัณฑ์กลุ่ม  health and wellness  รวมถึงรอการขยายสาขาในเขมรและลาว

               ส่วน MACRO  สามารถทำกำไรได้ดีในช่วง COVID  และมีการขยายสาขาในต่างประเทศ แต่ที่มีปัญหาในตอนนี้คือ ที่ จีน มี สาขาเดียว เนื่องจากมีการแข่งขันสูง  อินเดีย ต้องชะลอการลงทุนเพื่อศึกษาแนวทางที่จะทำตลาด

              ส่วน LOTUS  ,  CPALL ถือหุ้น 40%

              นอกจากนั้นมีการพัฒนา Digital Transformation ให้เร็วขึ้นเนื่องจาก COVID ทำให้เกิดการใช้ชีวิตแบบ new normal  ที่ใช้ application มากขึ้น

K-BANK   MOS 50-55%   เป็นหุ้นวัฏจักร (ไม่มี Opp day)

              มีส่วนแบ่งตลาดทั้งจากเงินฝากและสินเชื่อประมาณ 14%  เป็นอันดับ 4  

              มีการตั้งสำรองกรณีหนี้ NPL ที่คาดว่าจะไม่เป็นปัญหาต่อธนาคาร

              มีการพัฒนาระบบ digital banking  อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการใช้งานของคนรุ่นใหม่และมีการลดจำนวนสาขาลงแต่ก็ยังมีจำนวน 800 กว่าสาขา

 CENTEL     MOS 30%  เป็นหุ้นแข็งแกร่งและเติบโต

              ทำธุรกิจเกี่ยวกับ โรงแรม  บริหารโรงแรม และด้านอาหาร

              ด้านโรงแรม  มีจำนวนห้องพัก 7146 ห้องและใน pipeline อีก 9238 ห้องทั้งในและต่างประเทศ เช่น Maldives,  Japan( Osaka), Oman (Muscat) ปัญหาในช่วงนี้จะเกี่ยวเนื่องกับ COVID 19 ทำให้ยังไม่สามารถเปิดใช้ห้องพักได้เต็มศักยภาพ เช่นที่สมุย ภูเก็ด ก็มีการ renovate  รร ในช่วงนี้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะกลับเข้ามาใน Q3 or 4 ปี 64

              ด้านอาหาร มีร้านอาหาร เช่น  OTOYA , KFC, Mr. Donut, อร่อยดี ที่สามารถสร้างรายได้ 80% ของรายได้ปกติแล้วในQ3

จิ๋ว   เดชพนต์ รุ่น 4 ครับ

SCC                                    5%

ADVANC                            17%

DCC                                    6%

CPALL                                42%

CENTEL                               6%

K-BANK                             24%  


   
ReplyQuote
(@pretty-angel)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 

1. เป้าหมาย  10-15 % ต่อปี

2. หุ้นที่เลือก  CPALL  ADVANCE   SIRI  DCC   WHA

     CPALl  30  %    ADANCE 30%   SIRI 15%    DCC  15%   WHA  10%

3. MOS  เลือกที่  MOS  > 30

4. เหตุผลเชิงคุณภาพ  การบ้านที่ส่งในวันนี้ยังไม่ได้ใช้ทักษะที่อาจารย์สอนไปทั้งหมด  เนื่องจากพอเริ่มลงมือปฎิบัติจริงๆ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ติดขัดทุกเรื่อง  แม้แต่การเข้าไปหาข้อมูล  กว่าจะเข้าไปได้ก็ต้องใช้เวลา เพราะหลังจากเรียนจบยังไม่ได้มีเวลาทบทวนเนื้อหาที่เรียนมา  แต่ตั้งใจว่าวันหยุดนี้และต่อๆ ไปจะทบทวนและฝึกปฏิบัติไปเรื่อยๆ  เพราะรู้ว่าสิ่งที่ได้เรียนมาเป็นวิธีการที่ดี  และสามารถนำมาใช้เพื่อให้การลงทุนเป็นไปตามเป็าหมายได้จริงๆ  ตอนนี้ใช้วิธีตะแกรงร่อนหุ้นอย่างง่าย   หา MOS โดยใช้ template ที่อาจารย์ให้มา  อ่าน 56-1 และฟังตะแกรงร่อนหุ้นรายตัวที่อาจารย์ live   หุ้นที่เลือก ไว้ ทั้ง 5 ตัว  ตั้งใจจะลงทุนจริงๆ แต่รอฟังการวิเคราะห์ของอาจารย์อีกทีว่าหากลงทุนตาม สัดส่วนที่ตั้งไว้  จะสามารถไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ไหม     

5. ภา  พรประภา  หนูสิงห์ 


   
ReplyQuote
(@toy-kantana)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 

ข้อ 1 เป้าหมาย 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

ข้อ 2 หุ้นที่เลือก

 2.1 CP ALL มอส 33%

2.2 DCc มอส 48 เปอร์เซ็นต์

2.3 centel มอส 27%

2.4 sabina มอส 15%

2.5 TH relประกันชีวิตมอส 68 เปอร์เซ็นต์

2.6 siri mod 68 เปอร์เซ็นต์

สัดส่วนที่เข้าซื้อแล้วCP ALL 41 % dcc 17% centel 21% sabina 7% t h rel 6 % siri 8 %

คุณภาพ  เป็นธุรกิจที่คุ้นเคยที่เราใช้อยู่แล้วข้อ2.1 - 2.5ส่วน 2.6 ทราบจากข่าว

แต่โดยรวมทั้งหมดฟังจากอาจารย์ประภาส

สอบถามอาจารย์ค่ะตลาดหุ้นในลักษณะนี้เราทยอยเข้าซื้อจะผิดพลาดเยอะไหมคะลงแล้วซื้อแต่ถ้าขึ้นไม่ซื้อ

พอดีเกิดการผิดพลาดในการกดซื้อทำให้ต้องทยอยเข้าซื้อราคาหุ้นลงทำให้ถั่วเฉลี่ยได้ถูกลง

มันจะเป็นการสร้างนิสัยไม่ดีทำให้ผิดพลาดได้หรือเปล่าในครั้งต่อไป

ต๋อย(กันตนา)รุ่นที่ 4

This post was modified 3 years ago by Toy Kantana

   
ReplyQuote
dr.sasivimon
(@dr-sasivimon)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 3
 
  1. เป้าหมาย 15%. ต่อปี แผน ซื้อหุ้นโตช้า 20% หุ้นแข็งแกร่ง 40% หุ้นโตเร็ว 20% หุ้นวัฏจักร
  2. & 3 หุ้นน่าสนใจที่เลือกไว้

      1.BH MOS 40% หุ้นโตช้า   2. EA MOS 50%  3. MINT MOS 60%  4. SIRI MOS  100%

    หุ้นที่มีในพอร์ต  ซื้อก่อนเรียน VI turn Pro ค่ะ ถือเป็นพอร์ตเพื่อการศึกษา (แปลว่าได้รับบทเรียนค่ะ)

        CPALL หุ้นแข็งแกร่ง ซื้อตอน MOS 34% 🤩 

        KBANK หุ้น. วัฏจักร ซื้อตอน MOS 120 % 😋

        SCGP หุ้นโตช้า ซื้อตอน IPO 🤑 คิดว่าจะถือยาว หวังว่าจะเติบโตช้าๆ..แต่ว่ายั่งยืน เหมือน SCC

         STGT หุ้นวัฏจักร คิด MOS ไม่เป็นค่ะ 😛 ซื้อเพราะเห็นโรงพยาบาลต่างๆใช้ถุงมือศรีตรังโกลฟเยอะ และมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเต็มไปอีก 2-3 ปี จบ

         AOT ซื้อตอน MOS -24% 😓 ซื้อเพราะคิดว่าราคามันต่ำแล้ว ..มันลงไปอีก

         CBG ซื้อตอน MOS -40% 😭 นอนคอยบนดอยควาย หาทางกำจัดอยู่ค่ะ

4. การนำเสนอเหตุผลเชิงคุณภาพ

ขอนำเสนอโดยละเอียดเพียงหุ้นเดียวก่อนคือ  BH บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน)

บริษัทเป็นเจ้าของและผู้ประกอบการของนิติบุคลลที่ให้บริการทางการแพทย์ หลากหลาย ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลทั่วไปขนาดใหญ่ บำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล บำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลสหคลินิก ศูนย์วิทยาศาสตร์และเวชศาสตร์ชะลอวัยไวทัลไลฟ์ คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมผิวหนัง คลินิกเฉพาะทางด้านไตเทียม เอสเปอรานซ์คลินิกเฉพาะทางด้านมะเร็ง ตั้งอยู่ในตัวโรงพยาบาลใหญ่ อีกทั้งในต่างประเทศ มีคลินิกย่างกุ้งในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า และ โรงพยาบาลอูลานบาตอร์ซองโดในสาธารณณัฐประชาชนมองโกเลีย โดยรายได้หลัก 97% มาจากตัวโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล

ที่มาของข้อมูลเชิงคุณภาพ  : BH ไม่ปรากฏว่าเคยเข้าร่วมกิจกรรม Opportunity day ข้อมูลต่อไปนี้ได้จาก website ของทางโรงพยาบาล และ  56-1 มีเพจนักลงทุนสัมพันธ์ที่ให้รายละเอียดการดำเนินธุรกิจเป็นรายไตรมาส ประกอบด้วย งบการเงิน pdf และ webcast เป็น analyst meeting (การประชุมนักวิเคราะห์)  นำเสนอข้อมูลธุรกิจ บริการการแพทย์ และการเงินเป็นภาษาอังกฤษ

Business model  :

  • ประเภทธุรกิจบริการ เป็นบริการสุขภาพระดับ premium โรงพยาบาลเองให้บริการส่วนรักษาโรค มีคลินิกเฉพาะทางต่างๆกว่า 70 คลินิก และบริษัทอื่นที่มาเช่าพื้นที่โรงพยาบาล เช่น ศูนย์สุขภาพ Vitalife จะเน้นเรื่องการส่งเสริมสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย
  • ประเภทสินค้า เป็น FMCG กลุ่มลูกค้าเป็นผู้บริโภค B2C เป็นลูกค้าระดับ luxury A ถึง B+ ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเป็นชาวต่างชาติ  ทั้งที่อยู่อาศัยในไทย และ กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพประมาณ 60-65 % ใน พ.ศ. 2562
  • รูปแบบรายได้ เป็น Recurring , เงินสด เครื่องยนต์สร้างการเติบโตน่าจะถือว่ามีเครื่องยนต์เดียว เพราะรายได้ 97% มาจากบริการทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลหลัก
  • ช่องทางการขาย เป็นโรงพยาบาลเดี่ยว Own เนื่องจากที่ตั้งอยู่กลางเมืองย่านสุขุมวิท จึงมีข้อจำกัดในการขยายพื้นที่บริการ BH จึงสร้าง Network ร่วมมือกับโรงพยาบาลกว่า 60 แห่ง ล่าสุด ร่วมมือกับโรงพยาบาลนครธน และเอกชล เพื่อเปิดคลินิกเฉพาะด้านโรคกระดูกสันหลัง  เริ่มสร้าง Platform ผ่าน applcation  Bumrungrad เพื่อให้ความสะดวกแก่คนไข้ สามารถปรึกษาแพทย์  นัดหมายเพื่อมาตรวจที่โรงพยาบาล 2. Doctor Raksa เป็น application ปรึกษาแพทย์ online ทันเวลามาได้ใช้ช่วง Covid เป็นต้น
  • ตลาด ขนาดตลาด( 23/12/63) มูลค่า 93,363.81ล้านบาท เติบโต ช่วง 5 ปีก่อนเติบโต 5-8 % บางปีเติบโตเกิน 8% แต่ปีนี้ หดตัว รุนแรง , ส่วนแบ่งตลาด ไม่สามารถหาข้อมูลได้ , จำนวนคู่แข่งรายใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลเครือ เช่น เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ BDMS, สมิติเวช SVH ,รามคำแหง RAM , เกษมราษฎร์ BCH

5-forces Model

  1. อำนาจการต่อรองของลูกค้า ต่ำ
  2. อำนาจต่อรองของผู้ผลิต มีผู้จัดจำหน่ายยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์กว่า 600 ราย
  3. ภัยจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม มีการแข่งขันสูง และมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการสูงขึ้น โรงพยาบาลต้องหาทางลดต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่ต้องให้บริการคุณภาพสูงและเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับที่มีความสามารถด้านวิชาชีพสูง เข้าใจคนไข้ และทักษะการสื่อสารภาษาต่างประเทศไม่ใช่หาง่าย รวมทั้งปัญหาโรคอุบัติใหม่ และข้อพิพาททางกฎหมาย
  4. ภัยจากสินค้าทดแทน ต่ำ เพราะรพ.บำรุงราษฎร์ตั้ง position เป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพการแพทย์สูง ทันสมัยสามารถรักษาโรคยากๆ และตอบสนองความต้องการของคนไข้มรา”ยากๆ”ที่ต้องใช้ทีมบุคลากรประสิทธิภาพสูงรับมือ ร้านขายยา หรือ การปรึกษาแพทย์ online ไม่สามารถทดแทนได้
  5. ภัยจากคู่แข่งรายใหม่ สูง เพราะธุรกิจโรงพยาบาลเกิดขึ้นใหม่ที่มีมาตรฐานสากลเกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้ชายแดน อาจดึงลูกค้าต่างชาติในประเทศเพื่อนบ้าน เช่นเมียนม่าร์ กัมพูชา ลาว ที่เศรษฐานะไม่ได้สูงมากได้

 

จากข่าวล่าสุด ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BH คือ BDMS ซึ่งเดิมถือหุ้นกว่า 22% ­ขายหุ้นออกไปทั้งหมด โดยมี PRINC เครือโรงพยาบาลเกิดใหม่มาซื้อไว้ คาดว่า น่าจะเกิดจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 มีผลกระทบทั้ง BDMS & BH อย่างมากเพราะกลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกัน BDMS จึงไม่สามารถอยู่ในสภาวะ”เตี้ยอุ้มค่อม” จึงต้องขาย BH ออกไปเพื่อประคองฐานะทางการเงินของตัวเองไว้ -> รอดูกันต่อไป เตรียมเงินไว้รอ

By ศศิวิมล จันทรศรี (นุ้ย) บ้านอยู่พื้นที่สีส้ม ที่ทำงานอยู่พื้นที่สีเหลือง


   
ReplyQuote
(@nonvarat-phithunmanit)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 

1. เป้าหมายต่อปี

     - 15%ต่อปี

2. หุ้นที่เลือก

     - WHA

     - SF

     - EPG

3. MOS

     - WHA   55%

     - SF      44%

     - EPG    35%

4. เหตุผลเชิงคุณภาพ

     - WHA  เทรนปัจจุบันและอนาคต อุตสาหกรรมการขนส่งมีสิทธิเติบโตสูง

     - SF     ห้างสรรพสินค้า ที่พิสูจน์ให้เห็นจากโควิดรอบก่อน ว่าตนเองแข็งแกร่ง

     - EPG    งบสวย สินค้าที่บริษัททำ ไม่ค่อยมีผลกระทบกับวิกฤต เท่าไหร่

5. ลงท้าย ชื่อเล่น + ชื่อจริง 

     - Can นนท์วรัตน์ พิฑูรมานิต


   
ReplyQuote
(@bell-supreeya)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 

เป้าหมาย 15%/ปี
หุ้นที่เลือก
1.CPALL
MOS 30
Percentage in port 30%
5-Force model
ข้อดี
-หุ้นแข็งแกร่ง ที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตจากmakro, lotusแม้ว่าตลาดค้าปลีกจะมีmarket sizeที่ไม่ได้เติบโตมาก
-SSSยังคงเพิ่มขึ้นแม้มีจำนวนสาขามากขึ้น
-ได้ประโยขน์ในเรื่องEconomy of scale, อำนาจการต่อรองลูกค้าและคู่แข่งในธุรกิจน้อย
ข้อควรระวัง
-ความเสี่ยงจากการขยายสาขาในต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนและแนวโน้มการสร้างรายได้ในต่างประเทศ
2.CPN
MOS 30%
Percentage in port 20%
5-Force model
ข้อดี
-หุ้นแข็งแกร่งที่ตลาดยังเติบโตช้าๆ2%/ปี รวมถึงมีการพัฒนาMix use project, center of lifeมาปรับปรุงธุรกิจเพื่อปรับตัวกับการขายonlineที่เข้ามาdisruptionธุรกิจ เช่น จันทบุรี ศรีราชา dusit
-มีการขยายตัวไปต่างประเทศ อาจต้องประเมินแนวโน้มรายได้และการตอบรับ central I city
ข้อควรระวัง
-อสังหาริมทรัพย์อาจมีหน่วยเหลือขายมากขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่แนวสูง
-ด้านco working spaceอาจมีปัญหาจากการwork from home
3.CENTEL
MOS 34%
Percentage in port 20%
5-Force model
ข้อดี
-หุ้นแข็งแกร่ง ที่มีเครื่องยนต์2ตัวหลักคือ อาหารและโรงแรม ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวมากขึ้น
-market share ของfood chainค่อนข้างเยอะ38%
-ธุรกิจโรงแรมมีB2Cแต่เป็นcreditระยะสั้น EBIDAยังpositive และoccupancy rateช่วงไม่มีcovidค่อนข้างดี ยังมีแนวโน้มขยายตัวจากการรับบริหารโรงแรม
ข้อควรระวัง
-ธุรกิจอาหาร บางbrandมีปัญหาSSSGมีปัญหา-6% เช่น KFC, mister donut แต่ยังมีการปรับตัวบริษัทโดยเพิ่มbrandย่อยที่ไม่ใช่top4แทน
-โรงแรมมีdisruptionจากAir BNB รวมถึงdestinationอื่นในSEAที่อาจแย่งmarket shareได้ เช่น เวียดนาม, การฟื้นตัวอาจต้องรอดูสถานการณ์COVIDรอบสองเนื่องจากส่วนใหญ่อาศัยลูกค้าต่างประเทศเป็นส่วนมาก
4.DCC
MOS 38% (Price2.22)
Percentage in port -
5-Force model
ข้อดี
-MOSค่อนข้างเยอะ
-มีความสามารถในการเพิ่มmarket shareได้ดีในตลาดอิ่มตัว
ข้อควรระวัง
-ตลาดจีนและอินเดียอาจเข้ามาแย่ส่วนแบ่งทางการตลาดที่อิ่มตัวอยู่แล้ว
-ต้นทุนพลังงานที่ไม่สามารถควบคุมได้แปรตามน้ำมันโลก ผูกขาดกับปตท.เจ้าเดียว รวมถึงต้นทุนไฟฟ้าที่แปรตามนโยบายรัฐ
5.JUBBILE
MOS 30%(Price209)
Percentage in port -
5-Force model
ข้อดี
-มีความสามารถในการเพิ่มรายได้และขยายธุรกิจจับกลุ่มลูกค้าฐานรายได้ปานกลางและกลุ่มวัยทำงานตอนต้นมากขึ้น
-สามารถปรับตัวเพิ่มช่องทางการตลาดและการขายออนไลน์ได้ดี SSSGดีขึ้น
-supplierจากตลาดเพชรหลายที่ทำให้สามารถถ้ามีปัญหาsupplyหนึ่งจะยังดำเนินธุรกิจได้
ข้อควรระวัง
-ราคาแปรตามตลาดโลก มีความเป็นcycleจากการขายอัญมณีและราคาวัตถุดิบที่แปรตามราคาโลก
-การซื้อเพชรมักใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจในกลุ่มลูกค้ากับเจ้าของร้านที่มักรู้จักกันเป็นการส่วนตัว
-Jubileมีค่าแบรนและการออกแบบที่ค่อนข้างสูงถ้าเทียบกับร้านค้าทั่วไปที่ไม่ได้เป็นchain

จาก เบล(สุปรียา)
-ไม่มั่นใจเรื่องการเติบโตของJubile
-DCCไม่แน่ใจว่าMOSพอที่จะทำให้ได้ผลตอบแทนที่ต้องการได้หรือไม่ค่ะ


   
ReplyQuote
(@tarn-surachai)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 

1. เป้าหมาย 15% ต่อปี

2. CENTEL CPALL CPN KBANK MINT S11 SAWAD SIRI

3. MOS (ตอนที่ซื้อ) + 4.วิเคราะห์เชิงคุณภาพ(จากตารางวิเคราะคุณภาพธุรกิจ)

> 80% is Super | > 70% is Great | > 60% is Good

CENTEL 45% หุ้นแข็งแกร่ง 81% is Super น่าสนใจ

CPALL   45% หุ้นแข็งแกร่ง 90% is Super เป็น Super Stock ดีขึ้นในทุกทิศทาง

CPN      48% หุ้นแข็งแกร่ง 72% is Great การเติบโตในอนาคตประมาณปีละ10%+ชอบเดินห้าง

KBANK  61% หุ้นวัฎจักร    82% is Super ส่วนลดเยอะที่สุดในกลุ่มหุ้น Bank ตอนที่ซื้อ

MINT    51% หุ้นแข็งแกร่ง 84% is Super ส่วนลดเยอะ ถือยาวๆ ถ้าCOVID หายน่าจะพุ่งทะยาน

S11      41% หุ้นเติบโต    81% is Super ส่วนลดเยอะ อ.ประภาส เน้น น่าสนใจ

SAWAD 28% หุ้นเติบโต    84% is Super น่าสนใจ

SIRI     71% หุ้นวัฎจักร    73% is Great ส่วนลดเยอะที่สุดในกลุ่มหุ้น property ตอนที่ซื้อ 

5. ตาล สุรชัย


   
ReplyQuote
(@melancholy-whiterabbit)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 2
 

1. 15%

2. INET

3. MOS 44%

ประวัติพอสังเขป
เป็นหน่วยงานรัฐมาก่อน จนปี 2544 เข้าตลาดหลักทรัพย์ ถือหุ้น 49% รัฐ / 51% เอกชน

Business Model
- มี 4 Service : หลักคือ Cloud service, Colo, Internet service provider, EDC-Network pool

ธรรมชาติของธุรกิจ
- INET ลงทุนใน Cloud เป็นหลัก ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตราเติบโตสูง
- Cloud เป็น Service ที่เก็บเงินสดจากลูกค้าได้เร็วและไม่มีเงินเชื่อ คือ ลูกค้าต้องจ่ายเงินก่อนจึงจะเข้าใช้ Service ได้
- แต่ Cloud เองมีต้นทุนหลักๆ 4 ส่วนคือ
        - ค่าเสื่อมของ Infra ในที่นี้ก็คือเครื่อง Computer อุปกรณ์ Network ต่างๆ แล้วก็อื่นๆอีกมากมาย
        - การลงทุนในทุนมนุษย์ เพราะต้องมี Engineer ความเชี่ยวชาญสูงจำนวนมาก ซึ่งก็จะมีเงินเดือนค่อนข้างสูง Intensive program มาก และอาจมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาบุคลากรอีกด้วย
        - ค่าไฟฟ้า ที่ต้องใช้เดินเครื่อง Computer ระบบรักษาอุณหภูมิ เป็นต้น
        - ค่า License ต่างๆ เช่น VM Ware, OS, อื่นๆ
- หากต้องการขยาย โครงสร้างต้นทุนคือ IDC 20%, Hardware 20%, License 40% แต่ก็มี Open source ที่จะช่วยลดต้นทุนได้บ้าง, อื่นๆอีกราว 20%

จุดแข็ง
- เริ่มต้นมาก่อน มี Cert เพียบ มีฐานลูกค้าสูง
- ถือหุ้น 49% รัฐ / 51% เอกชน ซึ่งมีเส้นสายในรัฐ และการตัดสินใจแบบเอกชน
- อยู่ในธุรกิจที่โตต่อเนื่อง มี Margin สูง 40-50% ก็คือ Infra ของ Digital
- เป็นธุรกิจที่ลูกค้ามี Switching cost สูง เพราะลูกค้าอาจต้อง Interrupt service ตัวเองช่วง Migrate ซึ่งเป็นความเสียหายทางธุรกิจมหาศาล ทำให้ลูกค้าที่อยู่แล้วจะเหนียวแน่น เปลี่ยนเจ้าได้ยาก

จุดอ่อน
- อ่อนไหวกับวิกฎติเศรษฐกิจ เช่น Covid ทำให้บริษัทปิดตัวจำนวนมาก และไม่ต่อสัญญากับ INET หรือชลอการพัฒนาธุรกิจทันที
- การแข่งขันกับรายใหญ่จากต่างประเทศทำได้ยาก เช่น GRAB, Tencent, Google, Apple
- ประเทศไทยยังพึ่งพิงต้นน้ำของเทคโนโลยีจากต่างประเทศอยู่มาก จนกระทั่งบางครั้งบริการที่ INET มีก็ยังไม่ตอบโจทย์ของ Enterprise ทำให้การสร้างฐานลูกค้าที่ต้องการเทคโนโลยีระดับสูงนั้นทำแทบไม่ได้
- แม้ INET เองก็ยังพึ่งพิงต้นน้ำของเทคโนโลยีจากต่างประเทศอยู่มากเช่นกัน
- INET แทบไม่มีทางขยายธุรกิจออกไปต่างประเทศได้เลย
- INET เป็นเพียงแม่บ้าน IT ที่ Focus บริการของตนเอง แล้วหวังว่าประเทศชาติจะพัฒนาได้ด้วยเอกชนที่มีศักยภาพสูงขึ้นบน Platform ของ INET

แผนระยะยาว
- จากที่สร้าง IDC 3 บนที่ดินของ SCG มีการลงทุนราว 700-1,000 ล้านผ่านการเพิ่มทุน และมีรายได้ราว 3,000 ล้านใน 3 ปี
- มีแผนสร้าง IDC 4 ที่ขอนแก่น
- เลือกลูกค้าที่มีการเติบโตหลัง covid และมีวินัยทางการเงินสูง เพื่อป้องกันการโจขึ้นของลูกนี้การค้าหรือหนี้เสียให้มากที่สุด
- เพิ่มน้ำหนักของ IaaS และ PaaS มากขึ้น
- Dev KaaS มากขึ้น

ความคาดหวังในอนาคต
- IDC 4 ที่อาจจะสร้างรายได้ 3,000 ล้านขึ้นไปใน 3 ปี
- เนื่องจาก INET มี DNA ของความเป็นนักวิชาการ นักวิจัยอยู่มาก INET พยายามลงไปเป็นที่เลี้ยงให้กับ Startup ต่างๆ ที่มีศักยภาพสูง ก็หวังว่าจะพอไปได้
- Strategy คือการสร้าง PaaS ที่จำเป็นต่อการพัฒนาธุรกิจในหลายแง่มุม เช่น CyberSecurity ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง เพราะหลักเกณฑ์ PDPA ที่เพิ่งประกาศใช้ จะทำให้ลูกค้าต้องชั่งน้ำหนักระหว่าผู้ให้บริการ Cloud ต่างชาติ ที่อาจไม่ Compliance กับกฎหมายไทย
- ฐานลูกค้าโตขึ้นราว 30% ต่อปี และยังรักษายอดขายเกิน 20% ได้หลัง Covid
- ทำกอง Reit สำเร็จ

น่าสนใจ แต่วิกฎติช่วงสั้นค่อนข้างน่ากลัว อย่างไรเสีย ถ้า Covid จบเร็ว ลูกค้าฟื้นตัวได้เร็ว INET จะโตเร็วเหมือนเดิม

 

5. วีระพล โชติเลอศักดิ์ (โอ๋)

This post was modified 3 years ago 2 times by Whiterabbit Melancholy

   
ReplyQuote
(@er-non)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 
  1. เป้าหมาย 15 - 20  %
  2. หุ้นที่เลือก
  3. CPF บ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร     mos 36%

เป็นหุ้นวัฏจักร เป้าหมายเป็นครัวของโลก เป็นผู้นำตลาดด้านเนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้ง อาหารสัตว์ และอาหาร สัดส่วน ปี 63 (อาหารสัตว์ 38% ฟาร์ม 46 % อาหาร 16 %)  และยังลงทุนในต่างประเทศอีก 17 ประเทศ ,  ทรัพย์สินรวม, ยอดขายรวม, รายได้รวม และกำไรสุทธิ เติบโตขึ้นทุกปี แต่มีแกว่งบ้างเป็นบางปี  ความเสี่ยง มาจากโรคระบาดในสัตว์ ความเป็นหุ้นวัฏจักร อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในอนาคตระยะยาวอาหารยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคน

    4.S11  บริษัท เอส 11 กรุ๊ป จำกัด   mos 34%

เป็นหุ้นโตเร็ว ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เป็นรถจักรยานยนต์ใหม่ร้อยละ 95.65 และรถจักรยานยนต์ใช้แล้วร้อยละ 4.35 โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ บุคคลธรรมดา รายย่อยทั่วไป ซึ่งมีรายได้มั่นคงระดับกลาง ถึง ระดับล่าง  รายได้รวม กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้นเติบโตขึ้นทุกปี  โอกาสเติบโตยังมีอีกมากเนื่องจากสาขายังมีน้อย ความเสี่ยง คู่แข่งมีเยอะทั้งคู่แข่งในตลาดหลักทรัพย์และในท้องถิ่น

5.INET บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด mos 41%

ธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ 1. บริการ Cloud Solutions 2. บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet Access ) 3. บริการ Co-Location เป็นธุรกิจอนาคต แม้จะมีโรคระบาดหรือไม่มี แต่คนยังใช้ internet ในการทำงาน ความเสี่ยง คู่แข่งธุรกิจให้บริการ Cloud Solutions เพิ่มขึ้น

6.CENTEL   บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด   mos 34%

เป็นหุ้นแข็งแกร่ง  แบ่งเป็น 2 ธุรกิจ คือ 1. ธุรกิจโรงแรมในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ของตนเอง และธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมภายใต้สัญญาบริหารโรงแรม 2. ธุรกิจอาหาร,  ในอนาคตจะได้ค่ารับจ้างบริหารโรงแรมอีก 2,000 ห้อง

                                                    ปรัชญาการลงทุน

1.ซื้อที่ mos เกิน 30% 

2.ห้ามขาดทุน               

3.การวิเคราะห์เชิงคุณภาพขอเรียนรู้เพิ่มเติม…

นน (นนทพัฒน์) รุ่น 4


   
ReplyQuote
(@paritha-pongsivapai)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 
Posted by: @prapas-boonchuen

1. 15%

2. หุ้นที่เลือก; Cpall, Cwt, Inet, SCC

3. MOS ; Cpall (30%)

                Cwt (38%)

                Inet (38%)

                Scc (30%)

4. เหตุผลเชิงคุณภาพ 

Cpall เป็นหุ้นแข็งแกร่ง

Cwt เป็นหุ้นวัฏจักร + เติบโต, สอดคล้องกับธีมการลงทุนปีหน้าเกี่ยวกับธุรกิจ ใช้พลังงานทางเลือก เช่นรถไฟฟ้า, EV car 

Inet เป็นหุ้นเติบโต, ยังมีความต้องการใช้บริการ Cloud อีกมากในอนาคต 

SCC เป็นหุ้นวัฏจักร, ปิโตร มีราคาดีขึ้น ช่วงนี้ + เงินเฟ้อต่ำ ดอกเบี้ยต่ำ มักทำให้ราคา commodity สูงขึ้น, และ รายได้จาก packaging มีความแข็งแกร่ง  มีโอกาสเติบโต เนื่องจาก เป็นรายใหญ่ 

5. ปุ๋ม , ปริษฐา

 (🙏 ไม่มีเวลาทำมากคะ จะค้องมีเวลาดูข้อมูลละเอียดอีกทีแน่คะ)


   
ReplyQuote
(@apichai-sukchitviboon)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 1
 

1. เป้า 20%

2. หุ้นที่เลือก

CPALL/MOS 45% (JITTA);หุ้นแข็งแกร่งที่สร้างรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 5% โอกาสเติบโตมากกว่าปีละ 5% ด้วยการซื้อ Tesco Lotus เข้ามา mos ลงมาต่ำมากกว่า 40% จึงลงทุน

KBANK/MOS 58% (JITTA);หุ้นวัฏจักรที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นผู้นำแบงค์ดิจิตอล ราคาลดลงค่อนข้างมาก ทำให้มีโอกาสในการเข้าซื้อ

S11/MOS 38% (JITTA); หุ้นเติบโตที่มี ROE สูง และยังมีตลาดอีกมากในการเติบโตเนื่องจากยังมีการดริวกับสาขาไม่มาก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากอัตราคู่แข่งที่มากและสามารถเปลี่ยนคู่ค้าได้ง่าย

CENTEL/MOS 31% (JITTA); หุ้นแข็งแกร่งที่มีผลประกอบการลดลงในปี 2562 และในปี 2563 ก็ได้รับผลกระทบจากโควิด ปัจจัยที่คาดว่า CENTEL จะกลับมาดีขึ้นในเร็ววันเนื่องจากวัคซีนโควิดได้ผลิตออกและจะทำให้ CENTEL ได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น บวกกับการท่องเที่ยวที่ปิดกั้น คาดว่าในปี 2565 CENTEL จะกลับมายืนในตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม รวมทั้งแผนขยายของทางบริษัท รวมถึงการบริหารต้นทุนที่ดีในไตรมาส 2 ที่ไม่ขาดทุุน และขาดทุนเล็กน้อยในไตรมาส 3 ก็ยังเป็นตัวเลขประมาณ 30 ล้านเมื่อเทียบกับโรงแรมที่มีทั้งหมด ถือว่าบริหารได้ดี

SF/MOS 43% (JITTA); ไม่ทันครับ

SIRI/MOS 62% (JITTA); ไม่ทันครับ

ฺBJC/MOS 60% (JITTA); ไม่ทันครับ

ECL/MOS 48% (JITTA); ไม่ทันครับ

VGI/MOS 72% (JITTA); ไม่ทันครับ

S/MOS 66% (JITTA); ไม่ทันครับ

AMA/MOS 45% (JITTA); ไม่ทันครับ

 

เอส อภิชัย


   
ReplyQuote
(@nuttakorn)
New Member
Joined: 3 years ago
Posts: 2
 

1.เป้าหมาย 15-20%

2.หุ้นที่เลือก

BAY mos58% 

-เป็นหุ้นแข็งแกร่ง NPM สูง มีบริษัทลูกที่เติบโตไว เช่น เงินติดล้อ ที่จะเข้า IPO เร็วๆ นี้

 

คุณต่อ (ณัฐกรณ์)


   
ReplyQuote
Page 2 / 3
Share:
Protected by CleanTalk Anti-Spam