ลองตอบตามความเข้าใจของผม หากผิดพลาดอะไรรบกวนพี่ประพาสช่วยแก้ไขด้วยครับ 

เท่าที่ผมเห็นมา บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน มักจะประกาศล่วงหน้า ในเรื่องการซื้อหุ้นคืน ว่าจะซื้อในราคาเท่าไหร่ เป็นจำนวนไม่เกินเท่าไหร่ 
กรณีของ EKH ไม่ได้แจ้งก่อนเลย อยู่ๆก็ซื้อคืน เราอาจจะเดาไม่ได้ว่าจะซื้อที่ราคาเท่าไหร่บ้าง 

ส่วนว่าจะซื้อได้หมดจริงไหม ผมคิดว่าไม่น่าจะหมดครับ
เนื่องจากถ้าลองเอาจำนวนหุ้นสูงสุดตามโครงการซื้อหุ้นคืน คือ 60 ล้านหุ้น คูณด้วยราคาปัจจุบัน 4.24 บาท = 254.4 ล้านบาท 
หากไปดูงบการเงิน Q2 พบว่าบริษัทมีเงินสดอยู่ 90 ล้านบาท , สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 83 ล้านบาท รวมกันเป็น 173 ล้านบาท

การซื้อหุ้นคืน จะส่งผลคือ 
1. เงินสด/เงินลงทุนระยะสั้นลดลง 
2. จำนวนหุ้นที่บริษัทต้องจ่ายปันผลให้ มีจำนวนลดลง (ตัวหารลดลง) ทำให้เงินปันผลต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 
กรณีนี้ ผมเดาว่า ซื้อหุ้นคืนได้อย่างมากก็ 30 ล้านหุ้น คิดเป็น 5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งก็อาจไม่ได้ส่งผลมากมายนักครับ  

คล้ายๆว่าเคยเห็นบางบริษัทที่ซื้อหุ้นคืน พอสักพัก หุ้นราคาเริ่มขึ้นเยอะ มีการเอาหุ้นที่ซื้อคืนออกมาขายด้วยครับ 

@chut-nakornchai ขอบคุณ พี่หมอชัช คร้าปปป

@chut-nakornchai ขอบคุณหมอชัชนะคร้าบ ตอบประเด็นสำคัญไปหมดแล้ว 555+ (อ้อ แต่โครงการซื้อหุ้นคืนเป็นโปรเจค ที่จริงๆต้องแจ้งนลท.นะครับ ซึ่งเค้าแจ้งไว้ตั้งแต่ 19 มี.ค. 63 แล้วครับ นานเลย กว่าจะได้ซื้อ ;))

@pong555 เดี๋ยวผมเสริมละกันนะครับ

ก่อนอื่นผลกระทบของการซื้อหุ้นคืนจะเป็นอย่างที่หมอชัชอธิบายเลยครับ ผลกระทบที่ชัดเจนคือตัวหารจะลดลง ทำให้ EPS (กำไรต่อหุ้นก็จะเพิ่มขึ้น) นั่นเองครับ และมีผลต่อเนื่องว่าอาจจะสามารถจ่ายปันผลต่อหุ้นได้เพิ่มขึ้นด้วย (แต่อาจจะจ่ายเป็น % จากกำไรสุทธิเท่าเดิม)

จริงๆตามหลักการเนี่ย VI จะชอบมากครับ เพราะการซื้อหุ้นคืน ทำให้ตัวหารลดลงทำให้ Wealth ของผู้ถือหุ้นเดิม เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไร และโดยธรรมชาติ ราคาหุ้นก็มักจะปรับตัวขึ้นตาม Dilution ที่ลดลงนิดหน่อยด้วยครับ

แต่เหตุผลในการซื้อเป็นสิ่งสำคัญมากๆครับ คือ
1. บริหารเงินสดส่วนเกิน และมองว่าราคาต่ำเกินไป (ซึ่ง EKH ให้เหตผลข้อนี้)
2. บริหารราคาหุ้นในระยะสั้นครับ เพื่อประคองราคานั่นแหละครับ

- และสิ่งที่สำคัญต่อมาที่ต้องทราบก็คือ กลต. กำหนดให้บริษัทมีกรอบในการซื้อไม่เกิน 6 เดือนครับ
ในกรณีของ EKH คือ  3 เม.ย. - 2 ต.ค. ครับ ก็อีกไม่ถึงเดือนนึงแล้ว

- และหลังจาก 6 เดือน ที่ครบกำหนดแล้วจะสามารถนำหุ้นที่ซื้อคืนมา ขายกลับไปในตลาดได้ครับ!!! โดยกรอบเวลาคือ หลังจากครบกำหนดซื้อหุ้นคืน 6 เดือน - 3 ปีครับ- ในรายงานซื้อหุ้นคืน (19 มีค.) มีรายงานที่แนบมาด้วยคือ TS-1.2 แจ้งว่า งบประมาณที่ซื้อคือ 30 ลบ. ครับ ที่บอกว่าไม่เกิน 60 ล้านหุ้น เป็นเพราะราคา Par ของบริษัทคือ 0.50 บาท ครับ แต่ในทางปฏิบัติ ราคาตอนนี้ 4.20 บาท ก็จะซื้อได้ไม่เกิน 7 ล้านกว่าหุ้นครับ เต็มที่ แต่ก็น่าจะยากนะครับ เพราะสภาพคล่องอาจจะไม่เอื้ออำนวย และระยะเวลาก็เหลืออีกแค่ ไม่ถึง 1 เดือนครับ

- ราคาที่ซื้อ จะมีเงื่อนไขนิดนึงครับ 1. ราคาซื้อคืนต้องไม่เกิน 115% ของราคาปิด 5 วันย้อนหลังเฉลี่ยครับ และ 2. ราคาต้องไม่เกินราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ก่อนประกาศ (19 มีค.) ครับ ซึ่งราคาที่ว่าคือ 4.82 บาทครับ ซึ่งราคาปัจจุบันก็ผ่านทั้ง 2 ข้อสบายๆครับ

- ผมอ่านว่า การซื้อจำนวนเท่านี้ ดูไม่ค่อยมีนัยยะสำคัญอะไรเท่าไหร่เลย ยกเว้นเสียแต่ว่าทางบริษัทคำนึงแล้วครับว่ายอมรับกับราคาซื้อ ณ จุดนี้แล้ว ถ้าบริษัทอยากซื้อจริงๆ ก็น่าจะซื้อรัวๆจนกว่าจะหมดเวลา 2 ตค. เลยครับ อันนี้ก็ต้องเล่นเกมทายใจกันครับ 😉

- เรื่องราคาที่เข้าซื้อจะเป็นราคาต่ำสุดจริงไหม ข้อนี้ไม่จริงครับ 🙂 เค้าเพียงแค่ต้องทำตามกฎของกลต.ที่บอกไว้ด้านบนครับว่าซื้อได้ไม่เกิน 115% ของราคาย้อนหลังเฉลี่ยครับ 

- เรื่อง Valuation จริงๆแล้วผมคิดว่าเราประเมินแบบนี้นะครับ 
     1. ธุรกิจที่ซื้อหุ้นคืน ต้องเข้าใจก่อนครับ ว่าทำไมไม่เอาเงินไปลงทุนต่อแทนล่ะ ??? และนี่มักจะแปลว่า
          1.1 ธุรกิจมีเงินสดเหลือเฟือในการลงทุนขยายกิจการ แบบนี้จะดีที่สุดเลยครับ 🙂
          1.2 ธุรกิจไม่รู้ว่าจะนำเงินสดส่วนเกินไปทำอะไรแล้ว ก็เลยซื้อหุ้นคืนดีกว่า แบบนี้แปลได้ว่าบริษัทอาจจะไม่คิดจะโตต่อครับ หรือยังไม่มีแผนในเร็วๆนี้ครับ ซึ่งอาจจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่อิ่มตัวแล้วก็ได้ครับ
     2. การประเมิน Value เราก็ประเมินปกติครับ แต่ถ้าปริมาณการซื้อหุ้นคืน มีนัยยะมากๆ เช่น 5-10% ของปริมาณหุ้นเดิม ก็แน่นอนว่าจะทำให้ EPS เพิ่มขึ้น 5-10% เช่นกัน ดังนั้นการประเมินด้วย P/E ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปใช่ไหมครับ และก็จะทำให้ราคาเหมาะสมสามารถเพิ่มขึ้นได้เช่นกันครับ 🙂

- เรื่องการซื้อหุ้นคืนกระทบงบการเงินไหน ก็กระทบหลายงบอยู่ครับ

     1. กระทบงบดุล ในส่วนของ ทรัพย์สิน และส่วนทุนครับ ที่เงินสดลดลง และส่วนทุนลดลงเช่นกันครับ เพราะเป็นการจ่ายเงินออกไปให้กับบุคคลภายนอก เพื่อซื้อส่วนทุนคืนกลับมา และลดทุนจดทะเบียนลงครับ (ถ้าไม่ขายคืน)

     2. กระทบงบกระแสเงินสดครับ เนื่องจากเงินสดจากกิจการลดลงนั่นเองครับ เงินส่วนนี้ก็จะถูกใช้ไปในส่วนกิจกรรมทางการเงินครับ 🙂

@prapas-boonchuen เคลียร์มาก ขอบคุณพี่ประพาสมากครับ

CPN ก็ซื้อหุ้นคืน แต่พี่ก็ไม่เข้าใจอะไรเลยตามเคย ต้องไปอ่านอีกหลาาาายรอบ

@sirimonporn-saowalak-suriyawongpaisalสบายๆครับพี่ปุ๊ เรายังมีเวลาให้ศึกษาอีกเยอะแยะครับ 😉 ปู่วอเร็น บัฟเฟ็ตต์ อายุ 90 แล้วก็ยังลุยลงทุนนู่นนี่อยู่เลยครับ 😉