สอบถามอ. กรณีบริษัทที่เราสนใจไปซื้อกิจการอื่น ที่ P/E เท่าไร
ข่าวคือ
ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า TQM ได้เซ็นสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด และ บริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด เพื่อทำการขยายตลาดประกันภัยและประกันชีวิต ช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัท TQM ได้ในอนาคต พร้อมดันเบี้ยขายรวมปี 2564 ให้โตตามเป้าที่ 25,000 ล้านบาท และทยานสู่ 50,000 ล้านบาทในปี 2569 โดย TQM ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 51% ของทั้ง 2 บริษัท
สำหรับบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด เป็นบริษัทนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลที่มีฐานลูกค้ารายย่อยมากกว่า 500,000 ราย มีเบี้ยขายประกันชีวิตเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย TQM ได้เข้าร่วมลงทุนในมูลค่า 250 ล้านบาท เบี้ยขายประกันชีวิตในปี 2564 คาดว่าโต กว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่ารายได้รวมมากกว่า 120 ล้านบาท กำไรมากกว่า 40%
จากข่าวนี้ ถ้าเราจะคำนวณP/E ที่ TQM ซื้อ ทรูไลฟ์ คำนวณแบบนี้หรือเปล่าครับ
กำไร ของทรูไลฟ์คร่าวๆ= 40%*120mb= 48 MB
เนื่องจาก TQM ซื้อ ใช้เงิน 250 mbซื้อ ทรูไลฟ์สัดส่วนในสัดส่วน 51% เพราะฉะนั้น e ที่ต้องเอามาคำนวณคือ 51%*48=24.48mb
P/E คือ 250/24.48= 10.21
ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ กำไรครึ่งปีแรกของปี 64 = 423 MB ผมลองมองโลกในแง่ดี ว่าครึ่งปีหลังกำไรน่าจะโต 30%จากปีที่แล้ว
- กำไรครึ่งปีหลังของปี 63 =360 mb กำไรครึ่งหลังของปีนี้ตามสมติฐานโต 30% จากปีที่แล้ว= 1.3*360MB =468 MB
- กำไรทั้งปี = 423+468 =891 MB / 300ล้านหุ้น =2.97 บาท/หุ้น P/E ให้เต็มที ที่40 fair price ของปีนี้ =118.80 บาท ตอนนี้ ราคา 116-117
ขนาดมองโลกในแง่ดีก็ยังไม่มีmargin of safetyสิ่งที่ควรทำคือศึกษาคุณภาพหุ้นตัวนี้และรอต่อไป ถูกไหมครับ
สอบถามอ. กรณีบริษัทที่เราสนใจไปซื้อกิจการอื่น ที่ P/E เท่าไร
ข่าวคือ
ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า TQM ได้เซ็นสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด และ บริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด เพื่อทำการขยายตลาดประกันภัยและประกันชีวิต ช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัท TQM ได้ในอนาคต พร้อมดันเบี้ยขายรวมปี 2564 ให้โตตามเป้าที่ 25,000 ล้านบาท และทยานสู่ 50,000 ล้านบาทในปี 2569 โดย TQM ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 51% ของทั้ง 2 บริษัท
สำหรับบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด เป็นบริษัทนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลที่มีฐานลูกค้ารายย่อยมากกว่า 500,000 ราย มีเบี้ยขายประกันชีวิตเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย TQM ได้เข้าร่วมลงทุนในมูลค่า 250 ล้านบาท เบี้ยขายประกันชีวิตในปี 2564 คาดว่าโต กว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่ารายได้รวมมากกว่า 120 ล้านบาท กำไรมากกว่า 40%
จากข่าวนี้ ถ้าเราจะคำนวณP/E ที่ TQM ซื้อ ทรูไลฟ์ คำนวณแบบนี้หรือเปล่าครับ
กำไร ของทรูไลฟ์คร่าวๆ= 40%*120mb= 48 MB
เนื่องจาก TQM ซื้อ ใช้เงิน 250 mbซื้อ ทรูไลฟ์สัดส่วนในสัดส่วน 51% เพราะฉะนั้น e ที่ต้องเอามาคำนวณคือ 51%*48=24.48mb
P/E คือ 250/24.48= 10.21
ผมคิดว่าคำว่า "กำไรมากกว่า 40%" เนี่ย เป็นการเติบโตรึเปล่าครับ ไม่น่าใช่ "อัตรากำไร" รึเปล่านะครับ ธุรกิจ broker ไม่น่าจะสามารถกำไรได้ขนาดนั้นนะครับ แต่ก็ไม่มั่นใจนะครับ ผมว่าเราควร find out ข้อสงสัยให้หมดน่าจะดีกว่าครับ ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้อง คำนวณไปก็ผิดเปล่าๆครับ garbage in, garbage out 😉
เหมือนที่ไอน์สไตน์เคยพูดว่า หากมีเวลา 1 ชม. ให้ตอบคำถาม เค้าจะใช้เวลา 55 นาทีในการตั้งคำถาม และใช้เวลา 5 นาทีในการตอบครับ 😉
ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ กำไรครึ่งปีแรกของปี 64 = 423 MB ผมลองมองโลกในแง่ดี ว่าครึ่งปีหลังกำไรน่าจะโต 30%จากปีที่แล้ว
- กำไรครึ่งปีหลังของปี 63 =360 mb กำไรครึ่งหลังของปีนี้ตามสมติฐานโต 30% จากปีที่แล้ว= 1.3*360MB =468 MB
- กำไรทั้งปี = 423+468 =891 MB / 300ล้านหุ้น =2.97 บาท/หุ้น P/E ให้เต็มที ที่40 fair price ของปีนี้ =118.80 บาท ตอนนี้ ราคา 116-117ขนาดมองโลกในแง่ดีก็ยังไม่มีmargin of safetyสิ่งที่ควรทำคือศึกษาคุณภาพหุ้นตัวนี้และรอต่อไป ถูกไหมครับ
เห็นด้วยนะครับ 🙂
อาจารย์ครับตัว TQM ราคาต้องลงมาถึง forward PE เท่าไร อาจารย์ถึงจะว่าน่าสนใจครับ แล้ว forward E เราควรดูถึงเมื่อไรครับ เพราะตอนนี้ใกล้จะหมดปี 21แล้ว ขอบคุณครับ
อาจารย์ครับตัว TQM ราคาต้องลงมาถึง forward PE เท่าไร อาจารย์ถึงจะว่าน่าสนใจครับ แล้ว forward E เราควรดูถึงเมื่อไรครับ เพราะตอนนี้ใกล้จะหมดปี 21แล้ว ขอบคุณครับ
1. ผมอาจจะ conservative มากหน่อยนะครับ ตลาดคงมอง p/e กัน 40-45 เท่าเลย ส่วนตัวผมคิดว่าผมให้ไม่เกิน 30 เท่าครับ เหตุผลคือ การเติบโตทำได้จาก Non-Organic เป็นหลัก ผมคิดว่าเรทนี้ก็มากพอแล้วครับ
2. เรื่องการดู forward ไกลแค่ไหนข้อนี้ตอบยากมากๆครับ เพราะแต่ละธุรกิจผมว่าเรามีความสามารถในการมองอนาคตที่แตกต่างกันครับ เคสของ TQM ส่วนตัวผมจะมองแค่ใกล้ๆครับ เช่น สิ้นปีนี้ และรอผู้บริหารประกาศเป้าหมายในปีหน้าให้ชัดเจนค่อยเริ่มมอง fwd ปีหน้าครับ แต่กับบางธุรกิจที่มีจำนวนสาขาที่ชัดเจนกว่ามันก็มองได้ไกลขึ้นง่ายกว่าครับ