Forum

KTMS


(@narut-lertsakwimarn)
Eminent Member
Joined: 2 years ago
Posts: 15
Topic starter  

จากมะพร้าวรุ่น 25 นะครับ ขอสอบถามอาจารย์เบื้องต้นครับ

  1. เห็นอาจารย์ได้ไป CV บริษัท KTMS ด้วย อยากถามว่าอาจารย์ชอบผู้บริหารไหมครับ และผู้บริหารมีความเสี่ยงอะไรบ้าง บริษัทมีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ผมอาจจะมองข้ามไป (เดียวผมลิสต์ความเสี่ยงของผมที่วิเคราะห์ให้ด้านล่างนะครับ )
  2. อาจารย์ให้ Fair P/E ตัวนี้เท่าไหร่ครับ
  3. ถ้าสะดวกขอรบกวนให้ความเห็นกับการให้วิเคราะห์ธุรกิจนี้ให้หน่อยครับ อยากทราบความเห็นว่าผมมีจุดบอดหรือตรงที่วิเคราะห์ผิดตรงไหนบ้างครับ

*หมายเหตุ ข้อมูลได้จาก IR คลิปสัมภาษณ์ oppday โทรถามสาขาต่างๆ
และตอนนี้ผมทำงานที่คลินิกฟอกไตแถวนนทบุรี เลยได้ข้อมูลเพิ่มบางส่วนจาก พยาบาลฟอกไตครับ

ผมประเมินมูลค่าหุ้นไว้แบบนี้ครับ ผม ให้ Fair P/E 30 เท่า
core P/E 25
(B2C Recurring มีสาขาของตัวเอง สินค้าจำเป็น อยู่ใน megatrend ผู้สูงอายุ ยังไม่มีผู้ชนะสมบูรณ์ หุ้น growth )
ให้ premium อีก 5 เท่า (แจ้งว่า growth 20% แต่ผมคิด conservative ก่อน ที่ 15% )
(จากปี 2565->2566 มีเครื่องฟอกไตเทียม เพิ่มจาก 266-->331 growth 24.4%  )

Valuation ราคา ณ ปลายปี 68 (อีก 2 ปี ) สมมติฐาน

คิด REV รวม มาจากสามแหล่ง

  1. คิดค่าบริการฟอกไต
    = (จำนวนเครื่อง)*(รอบเฉลี่ยต่อวัน)*(จำนวนวันใน 1 ปี)*(ราคาเฉลี่ยต่อ 1 รอบ)* (occupacy rate)
    =(450)*(2.61)*(365)*(1375)*(85%)= 501.03 ล้าน 

    1.1 จำนวนเครื่อง คิด 450 เครื่อง เฉลี่ยทั้งปี 68
    ปีหน้าตั้งเป้าเครื่องฟอกไตโตอีก 100 เครื่อง สิ้นปี 68 ตั้งเป้ามีเครื่อง 400-500 เครื่อง ผมคิดว่า 500 เครื่องน่าจะทำได้ เพราะปีนี้ก็ 331 แล้วครับ
    ผมจะใช้ตัวเลข 450 เครื่อง คิดรายได้ทั้งปี ของปี 68 ครับ

    1.2 รอบเฉลี่ยต่อวัน เฉลี่ย 2.61 / วัน

    คิดจากเอารอบใน 1 สัปดาห์ หาร 7 ครับ
    คิดโดยการโทรถามทุกสาขาว่าจำนวนรอบเท่าไหร่แล้วเอามาเฉลี่ยครับ
    แนบรูปของแต่ละสาขาไว้ด้วยครับ

    1.3 จำนวนวัน = 365 วัน

    1.4 ราคาเฉลี่ยต่อ 1 รอบ รัฐ จะได้ 1300-1400 เฉลี่ย 1350 มีประมาณ 275 เครื่อง

    stand alone ได้ 1500  มีประมาณ 56 เครื่อง
    จะได้ราคาเฉลี่ย คร่าวๆ 1375 บาท

    1.5 occuupacy rate = คิดว่า 85 % ได้อยู่ครับ (ผู้บริหารเคยให้ตัวเลขทั้ง 80 % up และ 85 % up แต่เท่าที่โทรถาม demand ยังค่อนข้างสูงครับ )

  2. น้ำยาฟอกไต
    =(max capacity)*(ราคาขายเฉลี่ย)*(สัดส่วนขายนอก)(ขายได้กี่%)
    = (2.7 ล้าน gallon)*(ราคาขาย 50 บาท )*(สัดส่วนขาย 60 %)(ขายได้ให้สัก 80%)
    =64.8 ล้าน

    ต่อไปขายให้ ktms 40% (ถ้าในงบรวมรายได้จะหักกับต้นทุนไม่นำมาคิดครับ) และขายให้คนอื่น 60%
    กำลังผลิตจะมี 2.7 ล้านแกลลอน (โรงงานเก่าที่เช่าอยู่จะปิดตัวลง จะเหลือแต่โรงงานใหม่) ราคาขาย แกลลอลนละ 50 บาท ,
    จากปีก่อนๆ ผมคำนวณเบื้องต้น ขายได้ประมาณ 80% Up สมมติฐานของปี 68 คึอขายได้ 80% (GP ของน้ำยาฟอกไตไม่รู้ โทรถาม IR แล้วแต่เค้าไม่บอกครับ )
  3. รายได้จากการติดตั้งระบบน้ำ(หักขายน้ำยา)
    ปี 64  31.43 ล้าน
    ปี 65  36.67 ล้าน
    ปี 66  32.70 ล้าน (คิด 3 ไตรมาสแล้วคูณเอาครับ )
    รายได้จากการรับทำท่อลม
    ปี 64  31.10 ล้าน
    ปี 65  18.94 ล้าน
    ปี 66  20.88 ล้าน (คิด 3 ไตรมาสแล้วคูณเอาครับ )

ผมคิดหยาบๆ สิ้นปี 68 น่าจะทำได้สัก 50 ล้าน ประเมินต่ำไว้ก่อน 

ดังนั้น Revenue สิ้นปี 68 ควรได้ประมาณ 501.03+64.8 + 50 = ประมาณ 615 ล้าน

ผมขอข้ามไปที่ net profit เลย เพราะผู้บริหารให้เป้ามา
ผู้บริหารดร.วิจิตร ให้เป้าว่า อย่างช้า ปี 68 ต้องเห็น 6-7 % หรือเกินกว่านั้น
และจริงๆ ถ้าโตตามเป้าจริง ๆ สิ้นปี 68 จะมี REV = 720

(ผมคิดราคาประมาณ 2.76 บาท ราคาวันที่ 3/1/67 ผมซื้อไปรอบนึงก่อนขึ้น ตอนนี้รอย่อ plan กลับไปซื้อแถวๆ 2.6 บาทครับ )

*** รูปตามตาราง MOS ที่แนบไฟล์รูปไว้ครับ

Down size valuation 

ราคาควรจะลงได้กี่ % 

ในฐานะหุ้น growth จะโดนลงโทษหนัก หากไม่เป็นไปตามเป้า 

แถมเป็นหุ้น IPO ต้องรอดูการพิสูจน์อีกยาว
ที่ผมประเมินไว้คือ
ถ้าจะลง น่าจะลงได้ถึง 1.62 บาท เป็นอย่างน้อย (ถ้าราคา 2.8 ก็คือลงได้ประมาณ 50 %)
ถ้าราคา ลงมาที่ 1.62 บาท P/BV จะเท่ากับ 1 เท่า ในฐานะที่เป็นหุ้น Growth ถ้าซื้อได้ในราคาเท่ากับเจ้าของ ผมจะซื้อเพิ่มครับ
ถ้าลงต่ำกว่านี้ ผมจะยิ่งซื้อเพิ่มครับ 

(สินทรัพย์ส่วนใหญ่ มี ที่ดินอาคารและอุปกรณ์ ลูกหนี้การค้า เงินสด เงินลงทุนกองทุนรวม
ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าจริง ไม่ได้เป็นพวกทรัพย์สินไม่มีตัวตน )
(ผู้บริหารแจ้งว่า เครื่องฟอกไตเครื่องละ 5 แสน ใช้ได้ 12 ปี ถ้าใช้ครบแล้วยังขายต่อได้ครับ )

Down side risk ปัจจัยเสี่ยง จุดที่ต้องเฝ้าระวัง 

  1. รพ. รัฐ ยกเลิกสัญญา -> ถ้าสมมติเกิดมีอะไรผิดพลาด รพ. รัฐไม่ต่อสัญญา ก็จะมีปัญหาค่อนข้างหนัก (แต่เท่าที่ดูเหมือนแนวโน้มจะเปิดเพิ่มมากกว่า)
    →ทางแก้ไขเพิ่ม stand alone
    แล้วทำไมโรงพยาบาลรัฐไม่ทำเอง?
    -คุณกาญจนาบอกว่า รพ รัฐ ส่วนใหญ่ต้องการจะมี และบางทีมีอยู่แล้ว เพียงแต่หลักๆ จะใช้ดูคนไข้หนักและคนไข้ฟอกไตฉุกเฉิน ถ้าอยากเพิ่มเร็วทำ outsource ง่ายกว่า
    (คิดว่าจริงประมาณนึง อย่างรพ พหล ก็มีไตเทียมอยู่แล้ว 2 สาขา ktms ทำสาขา 3
    รพ ยโสธร KTMS เข้าไปทำสาขา 2 และ 3)
    -ทาง IR แจ้งว่า รพ.รัฐทำแล้วส่วนใหญ่ขาดทุน ก็ค่อนข้างเข้าใจได้
    -(ความเห็นส่วนตัว)คือรพ รัฐ เวลาจะจ้างพยาบาล หรือบุคลากรจะค่อนข้างยาก จะมีเรื่องระบบราชการ และการบรรจุ น้องๆ หมอรุ่นใหม่ๆ จบไปยังไม่ได้บรรจุทุกคน
    การหาคนมาทำงานไม่ได้ง่าย การทำเรื่องเบิกงบก็ค่อนข้างช้า out source ง่ายกกว่า เพราะจริงๆ ก็แค่อยากมีเครื่องฟอกไต รพ รัฐไม่ได้หากำไรขนาดนั้นอยู่แล้ว
    พวกโรงเรียนแพทย์ส่วนใหญ่ทำเอง เพราะเป็นต้นแบบ
     
  2. รพ. รัฐจ่ายเงินช้า โดยเฉลี่ย 90-180 วัน แต่มีบางรพ.จ่ายช้ากว่านั้น ทำให้มีลูกหนี้การค้า
    ที่ค้างชำระหนี้เกิน 12 เดือน (ปี 63 31.23 ล้าน , ปี64 24.48 ล้าน ปี 65 19.92 ล้าน)
    → ทาง ktms แจ้งว่า ยังไงก็จะเก็บหนี้ได้ แต่จะช้า แต่พยายามอย่างยิ่งที่จะตามเก็บหนี้ จะเห็นได้ว่าลดลงเรื่อยๆ ** แต่ถ้าตัวเลขเพิ่มต้องเฝ้าระวัง |

  3. ประกันสังคม หรือ สปสช ไม่จ่ายตังค์ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง (ปัจจุบันถ้าเป็น stand alone เฉลี่ยจะได้เงินใน 45-90 วัน) 
    → คิดว่าดูจากนโยบายที่เพิ่มมาของสปสช. ที่ให้เบิกได้หมด แสดงว่าก็น่าจะยังพอจ่ายตังค์ได้
     
  4. ลูกหนี้การค้าตอนนี้ common size 32.1 % , cash cycle ประมาณ 100 วัน
    →ต้องเฝ้าตัวเลขพวกนี้ดีๆ ถ้าหนี้เริ่มเก็บนาน cash cycle เพิ่ม อาจทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องได้

  5. ขาดแขลนบุคลากร
    5.1 พยาบาลฟอกไต *** สำคัญที่สุดแล้ว (ต้องเป็นพยาบาลก่อน แล้วไปเทรนเพิ่ม)
    อัตราส่วนคนไข้ 4 คน ต่อ พยาบาลฟอกไต 1 คน (ค่อนข้างตรวจสอบเข้มงวดนะครับ เท่าที่ทำงานในคลินิกฟอกไตมา ก็คือถ้าเพิ่มเครื่อง ต้องหาพยาบาลมาเพิ่ม อาจช้าได้นิดหน่อย แต่ตัวเลขต้องเป็น 4 : 1 ตลอด เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ ) ดังนั้น คลินิกฟอกไต เลยมักจะเพิ่มทีละ 4 เช่น 20 16 12 เครื่อง
    5.2 นอกจากพยาบาลฟอกไตแล้ว ทางกระทรวงยังเข้มงวดในกฏอีกข้อหนึ่งเพิ่ม นั้นคือต้องมีหมอทั่วไปประจำอยู่ตามคลินิก แบบเต็มเวลาทุกวันต่อ 1 คลินิก (ส่วนใหญ่จะใช้เป็นแขวนป้ายเอา ไม่ได้ประจำตลอด เนื่องจากพยาบาลทำเป็นหลัก และถ้ามีปัญหาหลักๆก็จะโทรหาหมอไตประจำตัวคนไข้ เนื่องจากมีความรู้เรื่องการฟอกไตมากกว่า)

        *เพิ่มเติม เท่าที่เข้าใจ ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐไม่ต้องมีหมอทั่วไปประจำที่คลินิกนะครับ เพราะเขาถือว่ารพ . มี หมอ standby ตลอดเวลาอยู่แล้ว 

         —> เหมือน KTMS จะพยายามเปิดศูนย์เทรนอยู่นะครับ

    6.การบริจาคให้รพ.รัฐ
        ยกตัวอย่าง ปี 66 บริจาคให้ 3 ที่ รวม 1-2 ล้านบาท (IR บอกตัวเลขบอกแค่คร่าวๆ ไม่ยอมบอกเป๊ะๆ ) จะไปลงในค่าใช้จ่ายบริหาร ของ Q1 และ Q2 ของปี 66
       
แจ้งว่าเป็น one time
       
—> (ความเห็นส่วนตัว) สมมติ เราไปทำกับรพรัฐ และผอ เดินมา บอกว่า บริจาคสักหน่อยสิ ก็ปฏิเสธลำบากเหมือนกัน , รวมถึงอาจจะเทากว่านั้น (ขอไม่พูดถึง) แต่เค้าอาจจะบริจาคเพื่อการกุศลจริงๆก็ได้ครับ ไม่มองในแง่ร้ายเกิน 
       
—> ต้องรอดูว่าปีอื่นๆ จะยังมีต่อเนื่องไหม เพราะปีนี้รายได้ 9 เดือน แค่ประมาณ เกือบ 10 ล้าน
บริจาค 2 ล้าน ก็หนักพอสมควร 

 

Growth Potential 

 

3 เรื่องหลัก สำหรับหุ้นเด้ง 

  1. รายได้เติบโตต่อเนื่องไหม
  2. เพิ่ม GP ได้ไหม 
  3. ลดรายจ่ายได้ไหม 

 

  1. รายได้เติบโตต่อเนื่องค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากมี plan ขยายชัดเจน
    ปีหน้า plan ขยาย 8 สาขา(ถามบอก IR บอกเบื้องต้นว่าจะ out soure 4-5 ที่ stand alone 2 ประจวบ พิษณุโลก และมี phase 2 ของ stand alone เดิม ) เป้าเพิ่ม 100-120 เครื่อง  
    ปัญหาในการขยายสาขา คือเรื่องบุคลากร 
  2. เพิ่ม GP ยังไง GP ที่นี้จะไม่เหมือนที่อื่นนิดนึงนะครับ เค้าบอกว่า GP ที่นี้จะลงทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเปิดคลินิกฟอกไต ลงค่าเสื่อม ลงค่าเงินเดือนแม่บ้าน เงินเดือนพยาบาล อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคลินิกฟอกไตมาลงที่นี้หมด
    2.1. เพิ่มสาขา stand alone GP จะ20-30% รพรัฐ GP 15-20%

        2.2  ทำ online hemodialysis มากขึ้น (คือการฟอกไตแบบประสิทธิ์ภาพสูงขึ้น ดึงโมเลกุลใหญ่ได้มากขึ้น ) จะเพิ่มรายได้ 500 บาทต่อครั้ง phase สองของคลินิกพัฒนาการก็จะเพิ่ม
               เป็น online ที่ชั้น 3 ของตึกเดิม

        2.3 ธุรกิจขายครีมพวกทาผิวแห้ง margin น่าจะดี ขายได้ใน stand alone 

        2.4 ขยายโรงงานฟอกไต ไม่รู้ว่า GP เท่าไหร่เค้าไม่บอก แต่คิดว่าน่าจะดีพอสมควร

        2.5 ทำสัญญากับโรงพยาบาลเอกชน (ความเห็นส่วนตัวแอบยากนิดหน่อยครับ เพราะรพ.เอกชนที่เน้นทำกำไรอยู่แล้ว น่าจะอยากสร้างเองมากกว่า เพื่อรับรู้รายได้เอง เพราะ charge ค่า
              ฟอกไตสูงอยู่แล้ว

 

   3. ลดรายจ่าย 

         3.1 เพิ่มเครื่องฟอกไตในสาขา stand alone เดิม (อันนี้บริษัทอื่นน่าจะลงใน SG and A แต่อันนี้ลงใน GP) ตัวอย่าง สาขาพัฒนาการ มีอยู่แล้ว 16 เครื่อง ด้านบนมีบริเวณเพิ่มในการ
               เพิ่มเครื่องฟอกไต หลายๆ ที่ก็ยังมีที่ให้เพิ่มอยู่ จะช่วยลดค่าใช้จ่าย เช่น จ้างแม่บ้านคนเดียวเท่าเดิม จ้างหมอทั่วไปคนเดียวเท่าเดิม ค่าเสื่อมใกล้เคียงเดิม ส่วนพยาบาลจะไม่ได้ลด
               รายจ่าย เพราะยังไงก็ต้องเป็นอัตราส่วน
คนไข้ 4 : พยาบาล 1 เหมือนเดิม  

         3.2 ต้นทุนบริหาร ปกติมีการเพิ่มเงินเดือนพนักงานทุกปีอยู่แล้ว แต่สามารถลดต้นทุนบริหารได้เดียวการลดการบริจาค และบริจาคให้น้อยลง อย่าง Q3 /66 พอไม่มีบริจาค ต้นทุนบริหาร
               เพิ่มแค่ 8.37%
จากปีก่อน 

 

ข้อดีเพิ่มเติม
บริษัทหนี้ต่ำ ช่วงดอกเบี้ยขึ้นน่าจะโดนน้อยครับ
มีเงินสด + เทียบเท่าเงินสด+ งบลงทุนในกองทุนรวม 128.47 ล้าน
ประมาณเงินสดยังค่อนข้างมีเยอะอยู่ 
ROE ยังต่ำ ยังโตได้

ยกตัวอย่างคลินิกที่ไปทำงานสักเล็กน้อยครับ เพิ่งเปิดได้ประมาณ 2-3 เดือน ตอนนี้เต็มเกือบทุกรอบ เพิ่มจาก 4 เครื่องเป็น 8 เครื่องแล้วครับตอนนี้รอพยาบาลอยู่ (มี plan จะเพิ่มเรื่อยๆ )
ทางรพรัฐใหญ่ๆ ของนนทบุรี เช่น โรงพยาบาลนั่งเกล้า ฟอกได้จริงไม่ได้เยอะมาก คนไข้เกือบทั้งหมดของรพ ต้องมาฟอกข้างนอกครับ

วิเคราะห์ five force model

ได้ 70 คะแนน
***แนบรูปมาด้วยครับ

โดยรวมประมาณนี้ครับ
ขอบคุณมากเลยนะครับ

มะพร้าว รุ่น 25


   
Quote
(@narut-lertsakwimarn)
Eminent Member
Joined: 2 years ago
Posts: 15
Topic starter  

ไฟล์สาขา stand alone ครับ


   
ReplyQuote
(@narut-lertsakwimarn)
Eminent Member
Joined: 2 years ago
Posts: 15
Topic starter  

file สาขารพรัฐและคลินิกครับ


   
ReplyQuote
(@narut-lertsakwimarn)
Eminent Member
Joined: 2 years ago
Posts: 15
Topic starter  

วิเคราะห์ธุรกิจ 1


   
ReplyQuote
(@narut-lertsakwimarn)
Eminent Member
Joined: 2 years ago
Posts: 15
Topic starter  

วิเคราะห์ธุรกิจ 2


   
ReplyQuote
(@prapas-b88)
Noble Member Admin
Joined: 3 years ago
Posts: 1516
 

Posted by: @narut-lertsakwimarn

จากมะพร้าวรุ่น 25 นะครับ ขอสอบถามอาจารย์เบื้องต้นครับ

  1. เห็นอาจารย์ได้ไป CV บริษัท KTMS ด้วย อยากถามว่าอาจารย์ชอบผู้บริหารไหมครับ และผู้บริหารมีความเสี่ยงอะไรบ้าง บริษัทมีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ผมอาจจะมองข้ามไป (เดียวผมลิสต์ความเสี่ยงของผมที่วิเคราะห์ให้ด้านล่างนะครับ )
  2. อาจารย์ให้ Fair P/E ตัวนี้เท่าไหร่ครับ
  3. ถ้าสะดวกขอรบกวนให้ความเห็นกับการให้วิเคราะห์ธุรกิจนี้ให้หน่อยครับ อยากทราบความเห็นว่าผมมีจุดบอดหรือตรงที่วิเคราะห์ผิดตรงไหนบ้างครับ

*หมายเหตุ ข้อมูลได้จาก IR คลิปสัมภาษณ์ oppday โทรถามสาขาต่างๆ
และตอนนี้ผมทำงานที่คลินิกฟอกไตแถวนนทบุรี เลยได้ข้อมูลเพิ่มบางส่วนจาก พยาบาลฟอกไตครับ

ผมประเมินมูลค่าหุ้นไว้แบบนี้ครับ ผม ให้ Fair P/E 30 เท่า
core P/E 25
(B2C Recurring มีสาขาของตัวเอง สินค้าจำเป็น อยู่ใน megatrend ผู้สูงอายุ ยังไม่มีผู้ชนะสมบูรณ์ หุ้น growth )
ให้ premium อีก 5 เท่า (แจ้งว่า growth 20% แต่ผมคิด conservative ก่อน ที่ 15% )
(จากปี 2565->2566 มีเครื่องฟอกไตเทียม เพิ่มจาก 266-->331 growth 24.4%  )

Valuation ราคา ณ ปลายปี 68 (อีก 2 ปี ) สมมติฐาน

คิด REV รวม มาจากสามแหล่ง

  1. คิดค่าบริการฟอกไต
    = (จำนวนเครื่อง)*(รอบเฉลี่ยต่อวัน)*(จำนวนวันใน 1 ปี)*(ราคาเฉลี่ยต่อ 1 รอบ)* (occupacy rate)
    =(450)*(2.61)*(365)*(1375)*(85%)= 501.03 ล้าน 

    1.1 จำนวนเครื่อง คิด 450 เครื่อง เฉลี่ยทั้งปี 68
    ปีหน้าตั้งเป้าเครื่องฟอกไตโตอีก 100 เครื่อง สิ้นปี 68 ตั้งเป้ามีเครื่อง 400-500 เครื่อง ผมคิดว่า 500 เครื่องน่าจะทำได้ เพราะปีนี้ก็ 331 แล้วครับ
    ผมจะใช้ตัวเลข 450 เครื่อง คิดรายได้ทั้งปี ของปี 68 ครับ

    1.2 รอบเฉลี่ยต่อวัน เฉลี่ย 2.61 / วัน

    คิดจากเอารอบใน 1 สัปดาห์ หาร 7 ครับ
    คิดโดยการโทรถามทุกสาขาว่าจำนวนรอบเท่าไหร่แล้วเอามาเฉลี่ยครับ
    แนบรูปของแต่ละสาขาไว้ด้วยครับ

    1.3 จำนวนวัน = 365 วัน

    1.4 ราคาเฉลี่ยต่อ 1 รอบ รัฐ จะได้ 1300-1400 เฉลี่ย 1350 มีประมาณ 275 เครื่อง

    stand alone ได้ 1500  มีประมาณ 56 เครื่อง
    จะได้ราคาเฉลี่ย คร่าวๆ 1375 บาท

    1.5 occuupacy rate = คิดว่า 85 % ได้อยู่ครับ (ผู้บริหารเคยให้ตัวเลขทั้ง 80 % up และ 85 % up แต่เท่าที่โทรถาม demand ยังค่อนข้างสูงครับ )

     

  2. น้ำยาฟอกไต
    =(max capacity)*(ราคาขายเฉลี่ย)*(สัดส่วนขายนอก)(ขายได้กี่%)
    = (2.7 ล้าน gallon)*(ราคาขาย 50 บาท )*(สัดส่วนขาย 60 %)(ขายได้ให้สัก 80%)
    =64.8 ล้าน

    ต่อไปขายให้ ktms 40% (ถ้าในงบรวมรายได้จะหักกับต้นทุนไม่นำมาคิดครับ) และขายให้คนอื่น 60%
    กำลังผลิตจะมี 2.7 ล้านแกลลอน (โรงงานเก่าที่เช่าอยู่จะปิดตัวลง จะเหลือแต่โรงงานใหม่) ราคาขาย แกลลอลนละ 50 บาท ,
    จากปีก่อนๆ ผมคำนวณเบื้องต้น ขายได้ประมาณ 80% Up สมมติฐานของปี 68 คึอขายได้ 80% (GP ของน้ำยาฟอกไตไม่รู้ โทรถาม IR แล้วแต่เค้าไม่บอกครับ )
  3. รายได้จากการติดตั้งระบบน้ำ(หักขายน้ำยา)
    ปี 64  31.43 ล้าน
    ปี 65  36.67 ล้าน
    ปี 66  32.70 ล้าน (คิด 3 ไตรมาสแล้วคูณเอาครับ )
    รายได้จากการรับทำท่อลม
    ปี 64  31.10 ล้าน
    ปี 65  18.94 ล้าน
    ปี 66  20.88 ล้าน (คิด 3 ไตรมาสแล้วคูณเอาครับ )

ผมคิดหยาบๆ สิ้นปี 68 น่าจะทำได้สัก 50 ล้าน ประเมินต่ำไว้ก่อน 

ดังนั้น Revenue สิ้นปี 68 ควรได้ประมาณ 501.03+64.8 + 50 = ประมาณ 615 ล้าน

ผมขอข้ามไปที่ net profit เลย เพราะผู้บริหารให้เป้ามา
ผู้บริหารดร.วิจิตร ให้เป้าว่า อย่างช้า ปี 68 ต้องเห็น 6-7 % หรือเกินกว่านั้น
และจริงๆ ถ้าโตตามเป้าจริง ๆ สิ้นปี 68 จะมี REV = 720

(ผมคิดราคาประมาณ 2.76 บาท ราคาวันที่ 3/1/67 ผมซื้อไปรอบนึงก่อนขึ้น ตอนนี้รอย่อ plan กลับไปซื้อแถวๆ 2.6 บาทครับ )

*** รูปตามตาราง MOS ที่แนบไฟล์รูปไว้ครับ

Down size valuation 

ราคาควรจะลงได้กี่ % 

ในฐานะหุ้น growth จะโดนลงโทษหนัก หากไม่เป็นไปตามเป้า 

แถมเป็นหุ้น IPO ต้องรอดูการพิสูจน์อีกยาว
ที่ผมประเมินไว้คือ
ถ้าจะลง น่าจะลงได้ถึง 1.62 บาท เป็นอย่างน้อย (ถ้าราคา 2.8 ก็คือลงได้ประมาณ 50 %)
ถ้าราคา ลงมาที่ 1.62 บาท P/BV จะเท่ากับ 1 เท่า ในฐานะที่เป็นหุ้น Growth ถ้าซื้อได้ในราคาเท่ากับเจ้าของ ผมจะซื้อเพิ่มครับ
ถ้าลงต่ำกว่านี้ ผมจะยิ่งซื้อเพิ่มครับ 

(สินทรัพย์ส่วนใหญ่ มี ที่ดินอาคารและอุปกรณ์ ลูกหนี้การค้า เงินสด เงินลงทุนกองทุนรวม
ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าจริง ไม่ได้เป็นพวกทรัพย์สินไม่มีตัวตน )
(ผู้บริหารแจ้งว่า เครื่องฟอกไตเครื่องละ 5 แสน ใช้ได้ 12 ปี ถ้าใช้ครบแล้วยังขายต่อได้ครับ )

Down side risk ปัจจัยเสี่ยง จุดที่ต้องเฝ้าระวัง 

  1. รพ. รัฐ ยกเลิกสัญญา -> ถ้าสมมติเกิดมีอะไรผิดพลาด รพ. รัฐไม่ต่อสัญญา ก็จะมีปัญหาค่อนข้างหนัก (แต่เท่าที่ดูเหมือนแนวโน้มจะเปิดเพิ่มมากกว่า)
    →ทางแก้ไขเพิ่ม stand alone
    แล้วทำไมโรงพยาบาลรัฐไม่ทำเอง?
    -คุณกาญจนาบอกว่า รพ รัฐ ส่วนใหญ่ต้องการจะมี และบางทีมีอยู่แล้ว เพียงแต่หลักๆ จะใช้ดูคนไข้หนักและคนไข้ฟอกไตฉุกเฉิน ถ้าอยากเพิ่มเร็วทำ outsource ง่ายกว่า
    (คิดว่าจริงประมาณนึง อย่างรพ พหล ก็มีไตเทียมอยู่แล้ว 2 สาขา ktms ทำสาขา 3
    รพ ยโสธร KTMS เข้าไปทำสาขา 2 และ 3)
    -ทาง IR แจ้งว่า รพ.รัฐทำแล้วส่วนใหญ่ขาดทุน ก็ค่อนข้างเข้าใจได้
    -(ความเห็นส่วนตัว)คือรพ รัฐ เวลาจะจ้างพยาบาล หรือบุคลากรจะค่อนข้างยาก จะมีเรื่องระบบราชการ และการบรรจุ น้องๆ หมอรุ่นใหม่ๆ จบไปยังไม่ได้บรรจุทุกคน
    การหาคนมาทำงานไม่ได้ง่าย การทำเรื่องเบิกงบก็ค่อนข้างช้า out source ง่ายกกว่า เพราะจริงๆ ก็แค่อยากมีเครื่องฟอกไต รพ รัฐไม่ได้หากำไรขนาดนั้นอยู่แล้ว
    พวกโรงเรียนแพทย์ส่วนใหญ่ทำเอง เพราะเป็นต้นแบบ
     
  2. รพ. รัฐจ่ายเงินช้า โดยเฉลี่ย 90-180 วัน แต่มีบางรพ.จ่ายช้ากว่านั้น ทำให้มีลูกหนี้การค้า
    ที่ค้างชำระหนี้เกิน 12 เดือน (ปี 63 31.23 ล้าน , ปี64 24.48 ล้าน ปี 65 19.92 ล้าน)
    → ทาง ktms แจ้งว่า ยังไงก็จะเก็บหนี้ได้ แต่จะช้า แต่พยายามอย่างยิ่งที่จะตามเก็บหนี้ จะเห็นได้ว่าลดลงเรื่อยๆ ** แต่ถ้าตัวเลขเพิ่มต้องเฝ้าระวัง |

     

  3. ประกันสังคม หรือ สปสช ไม่จ่ายตังค์ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง (ปัจจุบันถ้าเป็น stand alone เฉลี่ยจะได้เงินใน 45-90 วัน) 
    → คิดว่าดูจากนโยบายที่เพิ่มมาของสปสช. ที่ให้เบิกได้หมด แสดงว่าก็น่าจะยังพอจ่ายตังค์ได้
     
  4. ลูกหนี้การค้าตอนนี้ common size 32.1 % , cash cycle ประมาณ 100 วัน
    →ต้องเฝ้าตัวเลขพวกนี้ดีๆ ถ้าหนี้เริ่มเก็บนาน cash cycle เพิ่ม อาจทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องได้

     

  5. ขาดแขลนบุคลากร
    5.1 พยาบาลฟอกไต *** สำคัญที่สุดแล้ว (ต้องเป็นพยาบาลก่อน แล้วไปเทรนเพิ่ม)
    อัตราส่วนคนไข้ 4 คน ต่อ พยาบาลฟอกไต 1 คน (ค่อนข้างตรวจสอบเข้มงวดนะครับ เท่าที่ทำงานในคลินิกฟอกไตมา ก็คือถ้าเพิ่มเครื่อง ต้องหาพยาบาลมาเพิ่ม อาจช้าได้นิดหน่อย แต่ตัวเลขต้องเป็น 4 : 1 ตลอด เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ ) ดังนั้น คลินิกฟอกไต เลยมักจะเพิ่มทีละ 4 เช่น 20 16 12 เครื่อง
    5.2 นอกจากพยาบาลฟอกไตแล้ว ทางกระทรวงยังเข้มงวดในกฏอีกข้อหนึ่งเพิ่ม นั้นคือต้องมีหมอทั่วไปประจำอยู่ตามคลินิก แบบเต็มเวลาทุกวันต่อ 1 คลินิก (ส่วนใหญ่จะใช้เป็นแขวนป้ายเอา ไม่ได้ประจำตลอด เนื่องจากพยาบาลทำเป็นหลัก และถ้ามีปัญหาหลักๆก็จะโทรหาหมอไตประจำตัวคนไข้ เนื่องจากมีความรู้เรื่องการฟอกไตมากกว่า)

        *เพิ่มเติม เท่าที่เข้าใจ ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐไม่ต้องมีหมอทั่วไปประจำที่คลินิกนะครับ เพราะเขาถือว่ารพ . มี หมอ standby ตลอดเวลาอยู่แล้ว 

         —> เหมือน KTMS จะพยายามเปิดศูนย์เทรนอยู่นะครับ

    6.การบริจาคให้รพ.รัฐ
        ยกตัวอย่าง ปี 66 บริจาคให้ 3 ที่ รวม 1-2 ล้านบาท (IR บอกตัวเลขบอกแค่คร่าวๆ ไม่ยอมบอกเป๊ะๆ ) จะไปลงในค่าใช้จ่ายบริหาร ของ Q1 และ Q2 ของปี 66
       
แจ้งว่าเป็น one time
       
—> (ความเห็นส่วนตัว) สมมติ เราไปทำกับรพรัฐ และผอ เดินมา บอกว่า บริจาคสักหน่อยสิ ก็ปฏิเสธลำบากเหมือนกัน , รวมถึงอาจจะเทากว่านั้น (ขอไม่พูดถึง) แต่เค้าอาจจะบริจาคเพื่อการกุศลจริงๆก็ได้ครับ ไม่มองในแง่ร้ายเกิน 
       
—> ต้องรอดูว่าปีอื่นๆ จะยังมีต่อเนื่องไหม เพราะปีนี้รายได้ 9 เดือน แค่ประมาณ เกือบ 10 ล้าน
บริจาค 2 ล้าน ก็หนักพอสมควร 

 

Growth Potential 

 

3 เรื่องหลัก สำหรับหุ้นเด้ง 

  1. รายได้เติบโตต่อเนื่องไหม
  2. เพิ่ม GP ได้ไหม 
  3. ลดรายจ่ายได้ไหม 

 

  1. รายได้เติบโตต่อเนื่องค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากมี plan ขยายชัดเจน
    ปีหน้า plan ขยาย 8 สาขา(ถามบอก IR บอกเบื้องต้นว่าจะ out soure 4-5 ที่ stand alone 2 ประจวบ พิษณุโลก และมี phase 2 ของ stand alone เดิม ) เป้าเพิ่ม 100-120 เครื่อง  
    ปัญหาในการขยายสาขา คือเรื่องบุคลากร 
  2. เพิ่ม GP ยังไง GP ที่นี้จะไม่เหมือนที่อื่นนิดนึงนะครับ เค้าบอกว่า GP ที่นี้จะลงทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเปิดคลินิกฟอกไต ลงค่าเสื่อม ลงค่าเงินเดือนแม่บ้าน เงินเดือนพยาบาล อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคลินิกฟอกไตมาลงที่นี้หมด
    2.1. เพิ่มสาขา stand alone GP จะ20-30% รพรัฐ GP 15-20%

        2.2  ทำ online hemodialysis มากขึ้น (คือการฟอกไตแบบประสิทธิ์ภาพสูงขึ้น ดึงโมเลกุลใหญ่ได้มากขึ้น ) จะเพิ่มรายได้ 500 บาทต่อครั้ง phase สองของคลินิกพัฒนาการก็จะเพิ่ม
               เป็น online ที่ชั้น 3 ของตึกเดิม

        2.3 ธุรกิจขายครีมพวกทาผิวแห้ง margin น่าจะดี ขายได้ใน stand alone 

        2.4 ขยายโรงงานฟอกไต ไม่รู้ว่า GP เท่าไหร่เค้าไม่บอก แต่คิดว่าน่าจะดีพอสมควร

        2.5 ทำสัญญากับโรงพยาบาลเอกชน (ความเห็นส่วนตัวแอบยากนิดหน่อยครับ เพราะรพ.เอกชนที่เน้นทำกำไรอยู่แล้ว น่าจะอยากสร้างเองมากกว่า เพื่อรับรู้รายได้เอง เพราะ charge ค่า
              ฟอกไตสูงอยู่แล้ว

 

   3. ลดรายจ่าย 

         3.1 เพิ่มเครื่องฟอกไตในสาขา stand alone เดิม (อันนี้บริษัทอื่นน่าจะลงใน SG and A แต่อันนี้ลงใน GP) ตัวอย่าง สาขาพัฒนาการ มีอยู่แล้ว 16 เครื่อง ด้านบนมีบริเวณเพิ่มในการ
               เพิ่มเครื่องฟอกไต หลายๆ ที่ก็ยังมีที่ให้เพิ่มอยู่ จะช่วยลดค่าใช้จ่าย เช่น จ้างแม่บ้านคนเดียวเท่าเดิม จ้างหมอทั่วไปคนเดียวเท่าเดิม ค่าเสื่อมใกล้เคียงเดิม ส่วนพยาบาลจะไม่ได้ลด
               รายจ่าย เพราะยังไงก็ต้องเป็นอัตราส่วน
คนไข้ 4 : พยาบาล 1 เหมือนเดิม  

         3.2 ต้นทุนบริหาร ปกติมีการเพิ่มเงินเดือนพนักงานทุกปีอยู่แล้ว แต่สามารถลดต้นทุนบริหารได้เดียวการลดการบริจาค และบริจาคให้น้อยลง อย่าง Q3 /66 พอไม่มีบริจาค ต้นทุนบริหาร
               เพิ่มแค่ 8.37%
จากปีก่อน 

 

ข้อดีเพิ่มเติม
บริษัทหนี้ต่ำ ช่วงดอกเบี้ยขึ้นน่าจะโดนน้อยครับ
มีเงินสด + เทียบเท่าเงินสด+ งบลงทุนในกองทุนรวม 128.47 ล้าน
ประมาณเงินสดยังค่อนข้างมีเยอะอยู่ 
ROE ยังต่ำ ยังโตได้

ยกตัวอย่างคลินิกที่ไปทำงานสักเล็กน้อยครับ เพิ่งเปิดได้ประมาณ 2-3 เดือน ตอนนี้เต็มเกือบทุกรอบ เพิ่มจาก 4 เครื่องเป็น 8 เครื่องแล้วครับตอนนี้รอพยาบาลอยู่ (มี plan จะเพิ่มเรื่อยๆ )
ทางรพรัฐใหญ่ๆ ของนนทบุรี เช่น โรงพยาบาลนั่งเกล้า ฟอกได้จริงไม่ได้เยอะมาก คนไข้เกือบทั้งหมดของรพ ต้องมาฟอกข้างนอกครับ

วิเคราะห์ five force model

ได้ 70 คะแนน
***แนบรูปมาด้วยครับ

โดยรวมประมาณนี้ครับ
ขอบคุณมากเลยนะครับ

มะพร้าว รุ่น 25

1. ผมว่าความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้จริงและเคยเกิดขึ้นไปแล้วคือต้นทุนครับ เนื่องจากราคาขายไม่สามารถปรับขึ้นได้ตามใจ ดังนั้นพอต้นทุน raw material ทำให้อัตรากำไรจะหดตัวหนักครับ เพราะเดิม margin ก็บางอยู่แล้ว

2. Core P/E = 15x ครับ ข้อดีคือ Recurring และสินค้าจำเป็น ข้อเสียคือ คนจ่ายตังค์คือรัฐ ซึ่งปรับราคาไม่ได้ Growth 30% Fair P/E 35x ครับ 

downside risk คือ หากไม่โตตามคาด หรือ ต้นทุนขึ้นแล้วกำไรไม่ขึ้นตามคาดครับ Fair Price = Fair P/E x EPS หากพลาดเป้าการเติบโต ตลาดก็จะลด Fair P/E ลงด้วย แย่สุดคือ Core P/E ครับ ก็จะเป็น Fair Price = 15 * EPS ในขณะที่ราคาตอนนี้ ktms มี fwd P/E ปีนี้ประมาณ 35x แล้ว ดังนั้น downside ก็ประมาณ 70% ครับ

เรื่องการวิเคราะห์ผมคิดว่าละเอียดมากๆเลยครับ เหมาะกับ core competency ของตัวเอง ^ ^ 

ผมเห็นด้วยเรื่องคุณภาพกิจการนะครับ แต่เคสนี้จริงๆอาจไม่ใช่ B2C นะครับ ผมว่าน่าจะเป็น B2B มากกว่า คือลูกค้าอาจรับรู้แบรนด์ได้ก็จริง แต่คนจ่ายเงินคือรัฐ และผมคิดว่าคนขยายสาขาต่างคนต่างขยายในพื้นที่ๆว่างๆไม่ได้มาตั้งชนกันจึงอาจไม่เกิดการแข่งขันจริงๆขึ้น เลยมองว่ามันน่าจะไม่ใช่ B2C ครับ

แต่สิ่งที่พลาดจริงๆน่าจะเป็นการดูเรื่องต้นทุนครับ อย่างที่บอกข้อ 1 ไปครับ ความเสี่ยงข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ขึ้นราคาตามใจไม่ได้ ดังนั้นพอต้นทุนเพิ่ม จึงไม่สามารถผลักภาระไปที่ลูกค้าได้ครับ

เคสนี้ผมไม่ห่วงเรื่องการหารายได้เลยครับรายได้โตง่ายมาก demand ล้นอยู่แล้ว หาพยาบาลยากผมว่าเค้าก็บริหารจัดการได้ อย่างที่บอกครับปัญหาจริงๆอยู่ที่ต้นทุนที่หากขึ้นแล้วปรับราคาไม่ได้ต่างหาก

แต่ผมชอบธุรกิจมากๆ และผบห.ด้วยนะครับ ก่อน cv ไม่ค่อยชอบ แต่ cv แล้วรักเลยครับ ^ ^ ผมก็มีซื้อไปครับ ทุนเฉลี่ย 2.40

This post was modified 4 months ago 2 times by Prapas Boonchuen

   
ReplyQuote
(@narut-lertsakwimarn)
Eminent Member
Joined: 2 years ago
Posts: 15
Topic starter  

@prapas-b88 ขอบคุณมากเลยนะครับอาจารย์ เข้าใจขึ้นเยอะเลยครับ

การวิเคราะห์ธุรกิจสำคัญมากจริงๆด้วยครับ , เพราะB2B B2C core P/E ก็ต่างกันมากเลย

เรื่องความเสี่ยงเรื่องต้นทุนเห็นด้วยมากๆครับ ผมลืมนึกไปว่าขึ้นราคาไม่ได้ง่าย ถ้าต้นทุนเพิ่มก็โดนเต็มๆ

ผมฟังแล้วชอบผู้บริหารเหมือนกันครับ พออาจารย์บอกว่าชอบผู้บริหาร ก็สบายใจขึ้นครับ : )

ขอบคุณมากครับ สวัสดีปีใหม่นะครับอาจารย์

ผมก็ซื้อไว้ทุนเฉลี่ยใกล้ๆของอาจารย์ครับ ^^


   
ReplyQuote
(@prapas-b88)
Noble Member Admin
Joined: 3 years ago
Posts: 1516
 

Posted by: @narut-lertsakwimarn

@prapas-b88 ขอบคุณมากเลยนะครับอาจารย์ เข้าใจขึ้นเยอะเลยครับ

การวิเคราะห์ธุรกิจสำคัญมากจริงๆด้วยครับ , เพราะB2B B2C core P/E ก็ต่างกันมากเลย

เรื่องความเสี่ยงเรื่องต้นทุนเห็นด้วยมากๆครับ ผมลืมนึกไปว่าขึ้นราคาไม่ได้ง่าย ถ้าต้นทุนเพิ่มก็โดนเต็มๆ

ผมฟังแล้วชอบผู้บริหารเหมือนกันครับ พออาจารย์บอกว่าชอบผู้บริหาร ก็สบายใจขึ้นครับ : )

ขอบคุณมากครับ สวัสดีปีใหม่นะครับอาจารย์

ผมก็ซื้อไว้ทุนเฉลี่ยใกล้ๆของอาจารย์ครับ ^^

สวัสดีปีใหม่ครับคุณหมอ ^ ^ แต่ซื้อยากมะ 555+ ไม่มีสภาพคล่องเลย

 


   
ReplyQuote
(@narut-lertsakwimarn)
Eminent Member
Joined: 2 years ago
Posts: 15
Topic starter  

@prapas-b88 ซื้อยากอยู่ครับ 5555 บางวันไม่มี volume เลย แต่พอได้อยู่ฮะ เพราะพอร์ตยังเล็กอยู่ครับ : )


   
ReplyQuote
Share:
Protected by CleanTalk Anti-Spam