2. ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของพนักงานคนนั้นครับ ถ้าเกี่ยวข้องกับการผลิดจะอยู่ใน cost ครับ
[1] ถามต่อจากข้อนี้ที่อาจารย์เคยตอบไว้นานแล้ว ถ้าพนักงานในส่วนการผลิตมีการทำ OT - รายจ่าย OT นี้จะอยู่ที่ COST ด้วยเลยหรือไม่ครับ
1.1 สรุปแล้ว ค่าเสื่อมมันอยู่ใน Cost หรือ Admin ครับ (หาข้อมูลบางเว็บว่ามันอยู่ Admin บางเว็บก็ว่า Cost จำได้รางๆ อ.บอกว่าค่าเสื่อมจะอยู่ใน Cost @_@ สับสนครับ)
1.2 ถ้าอนาคต บริษัท มีการซื้อเครื่องจักรในการผลิตเพิ่มมากขึ้นและลดจำนวนพนักงานฝ่ายผลิต Cost ก็จะลดลงรึป่าวครับ หรือเพิ่มขึ้นเพราะมีค่าเสื่อมของเครื่องจักรใหม่ รบกวนอธิบายหน่อยครับ
1.3 (ต่อจาก1.2)อนาคต GP จะดีขึ้นไหมมั้ยครับ เพราะไม่มีเรื่องการปรับเงินเดือนประจำปี-ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานฝ่ายผลิตลดลงและการจ่าย OT ลดลงด้วย หรือมีแต่เป็นจำนวนที่น้อยลงเพราะส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักรเกือบหมดแล้ว
1.4 ค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรในการผลิตนี้โดยปกติแล้วจะมีจ่ายทุกปีมั้ยครับ เช่น ค่าตรวจเช็คเครื่องจักรทุกสิ้นปีว่ามันยังทำงานได้ปกติอยู่มั้ย และค่าอื่นๆที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาเครื่องจักร หรือจ่ายฉะเพาะเครื่องจักรที่มีปัญหาเท่านั้น เช่น ปีนี้ไม่มีก็ไม่เสีย ปีหน้ามีก็เสีย หากมีจะจัดอยู่ใน Cost | silling หรือ Admin ครับ
1.5 ค่าเสื่อมเครื่องจักรใหม่จะเป็น Fixed cost ที่อยู่ใน Cost ใช่ไหมครับหรือยังไงครับ
[2] ถ้าพนักงานที่จัดอยู่ใน Admin มีการทำ OT รายจ่ายตรงนี้จะอยู่ใน Admin หรือ Cost ครับ
2.1 ช่วงที่ลดเงินสมทบประกันสังคมเหลือ 3% จากเดิม 5% Admin ก็จะลดลงด้วยไหมครับ และรายจ่ายตรงนี้มีนัยยะมากแค่ไหน หรือว่าการลดเงินสมทบไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆครับ
[3] ถ้าเป็น outsource ค่าขนส่งก็จะรวมค่าน้ำมันไปแล้วไม่ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นหรือลงก็รวมอยูในค่าขนส่งนั้นแล้ว ซึ่งราคาน้ำมันไม่เกี่ยวกับเราใช่ไหมครับ อันนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
3.1 outsource เขามีการปรับราคาขนส่งทุกปีมั้ยครับ
3.2 เขามีการปรับราคาขนส่งขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วยไหมครับ และโดยปกติคนที่จ้าง outsource นั้นๆเขาจะแก้ปัญหาจากการขอขึ้นราคาขนส่งตรงนี้อย่างไรครับ
[4] ผมเคยถามอาจารย์ไปแล้วแต่ผมจำไม่ได้รบกวนขอถามอีกรอบครับ พวกที่เป็นผลิตแล้วขายผ่านตัวแทนทั้งในประเทศและ ตปท. (B2B2C) พวกนี้เขามี economies of scale จากอะไรและยังไงครับ
4.1 ถ้ามากจากการผลิตเยอะ แต่เขาขายผ่านตัวแทนยิ่งถ้าเขาขายในจำนวนที่มากขึ้นราคามันก็จะถูกลงใช่รึป่าวครับแล้วมัน economies of scale ยังไงครับ
4.2 ช่วงที่ราคา soft commo ต่ำๆ (แป้ง น้ำตาล หรืออื่นที่เป็นต้นทุนในการผลิต) ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงนี้มั้ยครับ หรือแค่สต๊อกของมากขึ้น หรือยังไงครับ
ขอบคุณครับ 🌻
2. ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของพนักงานคนนั้นครับ ถ้าเกี่ยวข้องกับการผลิดจะอยู่ใน cost ครับ
[1] ถามต่อจากข้อนี้ที่อาจารย์เคยตอบไว้นานแล้ว ถ้าพนักงานในส่วนการผลิตมีการทำ OT - รายจ่าย OT นี้จะอยู่ที่ COST ด้วยเลยหรือไม่ครับ
1.1 สรุปแล้ว ค่าเสื่อมมันอยู่ใน Cost หรือ Admin ครับ (หาข้อมูลบางเว็บว่ามันอยู่ Admin บางเว็บก็ว่า Cost จำได้รางๆ อ.บอกว่าค่าเสื่อมจะอยู่ใน Cost @_@ สับสนครับ)
1.2 ถ้าอนาคต บริษัท มีการซื้อเครื่องจักรในการผลิตเพิ่มมากขึ้นและลดจำนวนพนักงานฝ่ายผลิต Cost ก็จะลดลงรึป่าวครับ หรือเพิ่มขึ้นเพราะมีค่าเสื่อมของเครื่องจักรใหม่ รบกวนอธิบายหน่อยครับ
1.3 (ต่อจาก1.2)อนาคต GP จะดีขึ้นไหมมั้ยครับ เพราะไม่มีเรื่องการปรับเงินเดือนประจำปี-ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานฝ่ายผลิตลดลงและการจ่าย OT ลดลงด้วย หรือมีแต่เป็นจำนวนที่น้อยลงเพราะส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักรเกือบหมดแล้ว
1.4 ค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรในการผลิตนี้โดยปกติแล้วจะมีจ่ายทุกปีมั้ยครับ เช่น ค่าตรวจเช็คเครื่องจักรทุกสิ้นปีว่ามันยังทำงานได้ปกติอยู่มั้ย และค่าอื่นๆที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาเครื่องจักร หรือจ่ายฉะเพาะเครื่องจักรที่มีปัญหาเท่านั้น เช่น ปีนี้ไม่มีก็ไม่เสีย ปีหน้ามีก็เสีย หากมีจะจัดอยู่ใน Cost | silling หรือ Admin ครับ
1.5 ค่าเสื่อมเครื่องจักรใหม่จะเป็น Fixed cost ที่อยู่ใน Cost ใช่ไหมครับหรือยังไงครับ
[2] ถ้าพนักงานที่จัดอยู่ใน Admin มีการทำ OT รายจ่ายตรงนี้จะอยู่ใน Admin หรือ Cost ครับ
2.1 ช่วงที่ลดเงินสมทบประกันสังคมเหลือ 3% จากเดิม 5% Admin ก็จะลดลงด้วยไหมครับ และรายจ่ายตรงนี้มีนัยยะมากแค่ไหน หรือว่าการลดเงินสมทบไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆครับ
[3] ถ้าเป็น outsource ค่าขนส่งก็จะรวมค่าน้ำมันไปแล้วไม่ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นหรือลงก็รวมอยูในค่าขนส่งนั้นแล้ว ซึ่งราคาน้ำมันไม่เกี่ยวกับเราใช่ไหมครับ อันนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
3.1 outsource เขามีการปรับราคาขนส่งทุกปีมั้ยครับ
3.2 เขามีการปรับราคาขนส่งขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วยไหมครับ และโดยปกติคนที่จ้าง outsource นั้นๆเขาจะแก้ปัญหาจากการขอขึ้นราคาขนส่งตรงนี้อย่างไรครับ
[4] ผมเคยถามอาจารย์ไปแล้วแต่ผมจำไม่ได้รบกวนขอถามอีกรอบครับ พวกที่เป็นผลิตแล้วขายผ่านตัวแทนทั้งในประเทศและ ตปท. (B2B2C) พวกนี้เขามี economies of scale จากอะไรและยังไงครับ
4.1 ถ้ามากจากการผลิตเยอะ แต่เขาขายผ่านตัวแทนยิ่งถ้าเขาขายในจำนวนที่มากขึ้นราคามันก็จะถูกลงใช่รึป่าวครับแล้วมัน economies of scale ยังไงครับ
4.2 ช่วงที่ราคา soft commo ต่ำๆ (แป้ง น้ำตาล หรืออื่นที่เป็นต้นทุนในการผลิต) ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงนี้มั้ยครับ หรือแค่สต๊อกของมากขึ้น หรือยังไงครับ
ขอบคุณครับ 🌻
1. อยู่ใน Cost ครับ
1.1 ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้แน่นอนครับ ค่าเสื่อมจะถูกกระจายไปทุกค่าใช้จ่ายเลยครับ cost, selling expense, admin expense ถ้าเป็นเครื่องจักร จุดประสงค์เพื่อผลิต ก็จะอยู่ใน cost เท่านั้นครับ ถ้าเป็น รถขนส่งสินค้าให้ลูกค้า ก็จะอยู่ใน Selling Expense ถ้าเป็น อาคารสำนักงาน, คอมพิวเตอร์ ก็จะอยู่ใน Admin Expense ครับ
1.2 ค่าเสื่อมเพิ่ม แต่ค่าแรงก็ลดครับ ขึ้นอยู่กับว่าอะไรจะเพิ่ม หรือลด มากกว่ากันครับ ตอบไม่ได้ครับว่าจะลดหรือเพิ่มครับ
1.3 ไม่จริงเสมอไปครับ บางกิจการอาจจะมี gpm ลดลงแต่ "สม่ำเสมอ" เพิ่มขึ้นครับ แล้วแต่จุดประสงค์ของผบห.ครับ ไม่ควรด่วนสรุปครับ
1.4 มีครับ แต่แล้วแต่ดีเทลของเครื่องจักรนั้นๆครับ อยู่ใน cost ครับ
1.5 fixed cost ใน cost ครับ
2. admin สิครับ
2.1 ลดลงด้วยครับ จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจว่าใช้คนเยอะหรือเปล่าครับลดลงเป็นการชั่วคราวแน่นอนครับ เพื่อช่วยเหลือช่วงโควิด ปีนี้จะเป็นปีที่ประกันสังคมกลับไปคิดที่ 5% เหมือนเดิมแล้วครับ
3. ขึ้นอยู่กับสัญญาครับ ไม่เสมอไป แต่ส่วนใหญ่ทุกๆสัญญาจะมีระบุไว้เรื่องต้นทุนน้ำมันครับ หากต้นทุนน้ำมันขึ้น outsource ก็สามารถขึ้นราคาได้ครับ
3.1 ไม่ครับ
3.2 ใช่ครับ ต่อรองเอาครับ
4. กำลังการผลิตครับ
4.1 เป็นเรื่อง Fixed Cost ที่เกิดจากค่าเสื่อมของเครื่องจักรครับ หากรายได้เพิ่ม ก็จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มครับ
4.2 แล้วแต่ธุรกิจครับ บางสินค้าก็เก็บไว้ไม่ได้นานนะครับ จะสต๊อกเพิ่มได้แค่ไหนครับสินค้ามีเสียหาย แถมสถานที่เก็บก็หายาก และแพงครับ ส่วนใหญ่เค้าจะดีลสัญญาระยะยาวล็อคราคาครับไม่ใช่ซื้อเก็บ แต่ไม่มีใครรู้ว่าราคาจะลงไปเยอะแค่ไหน ส่วนใหญ่พอล็อคราคาแล้วราคาก็ลงอีกเป็นส่วนใหญ่ครับ การล็อคราคาไม่ได้แปลว่าจะคุ้มค่าเสมอไปครับ ส่วนใหญ่ผิดพลาดด้วยครับ สินค้าคอมโมดิตี้ก็แบบนี้ครับ คาดการณ์ยาก
1.ขอถามนอกเรื่องนะครับอาจารย์ คือผมสงสัยครับว่าคนที่เขามีเงินมากๆ 8-10 หลัก เขาเก็บเงินไว้ที่ไหนยังไงครับเพราะพักหลังผมเห็นข่าวโดนดูดเงินกันเยอะมากเลยครับ เขาฝากประจำแบบถอนออนไลน์ไม่ได้ หรือ เก็บไว้ในบัญชีหุ้นทั้งหมดเลยเวลาจะใช้ก็แจ้งถอนแล้วเอามาใช้จ่ายครับ
2.ส่วนตัวอาจารย์เก็บไว้ที่ไหนยังไงบ้างครับเผื่อวันหนึ่งผมจะมีอย่างนั้นบ้าง
3.หากเก็บไว้ในบัญชีหุ้นทั้งหมดเลยจะมีโอกาสโดนแฮ็กแล้วดูดเงินออกได้หรือเปล่าครับ
4.พวกแฮ็กสามารถขายหุ้นของเราได้มั้ยครับ
อันไหน อาจารย์ไม่ทราบไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ
1.ขอถามนอกเรื่องนะครับอาจารย์ คือผมสงสัยครับว่าคนที่เขามีเงินมากๆ 8-10 หลัก เขาเก็บเงินไว้ที่ไหนยังไงครับเพราะพักหลังผมเห็นข่าวโดนดูดเงินกันเยอะมากเลยครับ เขาฝากประจำแบบถอนออนไลน์ไม่ได้ หรือ เก็บไว้ในบัญชีหุ้นทั้งหมดเลยเวลาจะใช้ก็แจ้งถอนแล้วเอามาใช้จ่ายครับ
2.ส่วนตัวอาจารย์เก็บไว้ที่ไหนยังไงบ้างครับเผื่อวันหนึ่งผมจะมีอย่างนั้นบ้าง
3.หากเก็บไว้ในบัญชีหุ้นทั้งหมดเลยจะมีโอกาสโดนแฮ็กแล้วดูดเงินออกได้หรือเปล่าครับ
4.พวกแฮ็กสามารถขายหุ้นของเราได้มั้ยครับ
อันไหน อาจารย์ไม่ทราบไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ
1. อันนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ แต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันไปอ่ะครับ
2. ของผมก็อยู่ในพอร์ตหุ้นเป็นหลัก มีในบัญชีออมทรัพย์ไว้แค่พอใช้จ่ายประมาณ 6 เดือนครับ
3. ผมว่าเราต้องเข้าใจเรื่องการ แฮ็ค ก่อนนะครับ ว่ามันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะครับมากกว่า 95% ของการโดนแฮ็ค เกิดจากเราปล่อยข้อมูลให้รั่วไหลเองเลยครับ เช่น กด Phishing Mail อะไรพวกนี้ครับ ถ้าเราไม่กดมั่วซั่ว ไม่ทิ้งมือถือเรี่ยราด ก็ยากมากที่จะโดนแฮ็คนะครับ
4. ถ้าแฮ็คได้ ก็ขายได้ครับ แต่ถ้าจะถอน ก็ต้องไปแฮ็คบัญชีเราอีกทีนึง ไม่ง่ายที่จะเกิดขึ้นครับ ประเด็นจริงๆอยู่ที่ข้อ 3 ครับ เราอยู่เฉยๆ ไม่ปล่อยข้อมูลให้คนอื่นง่ายๆ ไม่วางมือถือเรี่ยราด ก็ไม่โดนแฮ็คง่ายๆครับ มีอีกเคสนึงที่โดนกันบ่อยคือ ไปเสียบชาร์จที่ร้านอาหารครับ แบบนี้ก็โดนแฮ็คได้ครับ เพราะพอร์ต USB ที่เราใช้ เบื้องหลังอาจต่อสายกับคอมพิวเตอร์ได้ครับ เค้าก็จะสามารถแฮ็คได้ครับ หลักๆคือ อย่าชาร์จที่อื่นนอกจากที่บ้าน โดยไม่จำเป็น อย่ากดคลิ้กมั่วๆ อย่าโลภ แค่นี้ก็ป้องกันได้แล้วครับ
ผมว่าคนรวยๆเค้าพอทราบดีว่าจะดูแลตัวเองยังไงน่ะครับ สิ่งที่เค้ามีคือความรู้ คือการอ่านหนังสือ อ่านข่าว อ่านบทความตลอดเวลา ทำให้เท่าทันกลโกงทั้งหลายมากกว่าครับ คนรวยๆส่วนมากอ่านหนังสือเฉลี่ยปีนึงเกิน 10-20 เล่มขึ้นไปทั้งนั้นครับ
@prapas-b88 อาจารย์พอจะทราบมั้ยครับ เรื่อง ผลสรุปการตัดสินใจของบอร์ดที่จะลงทุนสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ 100 เตียง ของ RPH เป็นอย่างไรบ้างครับ และหักค่าเสื่อมกี่ปีครับ ผมโทรหา IR แล้ว สายไม่ว่างตลอดเลยครับ
@prapas-b88 อาจารย์พอจะทราบมั้ยครับ เรื่อง ผลสรุปการตัดสินใจของบอร์ดที่จะลงทุนสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ 100 เตียง ของ RPH เป็นอย่างไรบ้างครับ และหักค่าเสื่อมกี่ปีครับ ผมโทรหา IR แล้ว สายไม่ว่างตลอดเลยครับ
ยังไม่ทราบรายละเอียดครับ ปกติ 25 ปีครับ ไม่น่าต่ำกว่านี้ครับ แต่กำลังทำ feasibility อยู่นี่ครับ ตัวเลขน่าจะยังไม่จบนะครับ
@prapas-b88 กดรีเฟรช all เพื่ออัพเดทราคา แล้วเด้งตามรูปภาพที่แนบเลยครับ อาจารย์พอทราบวิธีแก้มั้ยครับ
(โดยปกติผมจะสำรองไฟล์เอาไว้เสมอหลังทำงานเสร็จ ไฟล์ที่สำรองเอาไว้บน Cloud ก็ไม่สามารถอัพเดทราคาได้เช่นกันครับ) 😥
ขอบคุณครับ
@prapas-b88 คุณแอ๊น ช่วยแก้ไขเรื่องราคาไม่อัพเดทให้เรียบแล้วครับ ขอบคุณครับ 😊
เรื่อง Capacity Utilization Rate
1. กี่ % ถึงเหมาะสม หรือปกติกำลังดี
2. เท่าไหร่ที่สูง-ต่ำเกิน และ สูงเกินไป-น้อยเกินไปดีหรือไม่ดีอย่างไรครับ
3. สูงติดต่อกันนานๆมีผลดี-เสียอย่างไรบ้างครับ
Dohome เข้าได้สิทธิอะไรจาก BOI ครับ Tax เขาก็จ่ายปีละ 19-20% หรือว่าได้ส่วนลดเงินที่ใช้ลงทุนในการติดตั้ง Solar Roof top ครับ หรืออื่นๆ
ขอบคุณครับ
เรื่อง Capacity Utilization Rate
1. กี่ % ถึงเหมาะสม หรือปกติกำลังดี
2. เท่าไหร่ที่สูง-ต่ำเกิน และ สูงเกินไป-น้อยเกินไปดีหรือไม่ดีอย่างไรครับ
3. สูงติดต่อกันนานๆมีผลดี-เสียอย่างไรบ้างครับ
Dohome เข้าได้สิทธิอะไรจาก BOI ครับ Tax เขาก็จ่ายปีละ 19-20% หรือว่าได้ส่วนลดเงินที่ใช้ลงทุนในการติดตั้ง Solar Roof top ครับ หรืออื่นๆ
ขอบคุณครับ
1. u rate เหมาะสมแล้วแต่อุตสาหกรรมเลยครับ แต่ส่วนใหญ่เต็มที่ก็มักจะอยู่ที่ประมาณ 80% ขึ้นไปครับ ก็จะได้ economy of scale เต็มที่ครับ เรื่อง capacity จริงๆอยู่ที่การ "คำนวณ" ของบริษัทด้วยครับ ว่าใช้หลักในการคำนวณอย่างไรครับ เราควรต้องเข้าใจด้วยครับ ไม่งั้นเราอาจทึกทักไปเองได้
2. u rate ต่ำก็ economy of scale ต่ำครับ อัตรากำไรต่ำ แต่ถ้าเพิ่มได้ ก็จะทำให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นมากครับ สูงมากเกินไปก็เช่นเกิน 100% มั้งครับ ไม่ค่อยเห็นอ่ะครับ
3. ก็น่าจะดีนะครับ ได้ economy of scale สูงดีครับ
dohome ไม่ทราบรายละเอียดครับ แต่เดาว่าเป็นแค่ solar roof top นะครับ กฎหมายในอนาคตจะมีบังคับเรื่องการปล่อย "คาร์บอน" สู่อากาศ บริษัทจำเป็นต้องติดตั้ง solar roof top เพื่อชดเชยครับ
1.ผมจะทราบได้อย่างไรครับว่าหุ้นที่ผมสนใจกำลังถูก Corner หรือไม่ครับ
ผมแยกไม่ออกระหว่างหุ้นที่กำลังถูก Corner หรือว่าตลาดเห็นการเติบโตที่ชัดเจนและสดใสในอนาคต ราคาจึงวิ่งไปได้มากขนาดนั้น
ผมลองวิเคราะห์ตามความเข้าใจของตัวเอง ผมคิดว่าเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี สามารถเติบโตได้ดี (โตเร็ว)
(Trailing P/E 48-50) | Forward P/E 36-39 2023 ณ ราคาปัจจุบัน To the moon (หรือผมคิดผิดก็ไม่รู้นะครับ55) (อยู่ในกลุ่ม Food&Beverage)
---------------------------------------------
2.ผมจะทราบได้อย่างไรหรืออะไรเป็นตัวชี้วัดว่าการลงทุนของบริษัทนั้นใช้เงินมากเกินไป-น้อยเกินไป-เหมาะสมแล้ว เช่น บริษัททำฟัน ใช้เงิน 450 ลบ. ซื้อที่ดิน-สร้างโรงพยาบาลทำฟัน และ ผู้ผลิตขนม-เครื่องดื่ม ใช้เงิน 600-700 ลบ. ในการสร้างโรงงานผลิต
ผมมีคำถามครับ อาจารย์
[1] รายจ่ายTaxไม่เท่ากัน ปีแรก 15% ปีสอง 17% ปีสามลดลงเหลือ 14% แบบนี้เราจะคิดยังไง-เราจะรู้ได้อย่างไรอนาคต มันจะเพิ่มหรือลดลง-คงที่ หรือใช้ค่าเฉลี่ยครับ
[2] การตั้งโรงงานแห่งใหม่ ถ้ามีการเพิ่มพนักงานดูแลเครื่องจักร,พนักงานตรวจสอบสินค้า,พนักงานอื่นๆ รายจ่ายส่วนนี้จะอยู่ที่ไหนครับ
เรื่อง Financial Projection
[3] การทำ Financial Projection เราควรทำเป็นราย ไตรมาส | 1H - 2H | รายปี ดีครับ
[4] ถ้าหากเราถามผู้บริหารแล้วได้มาแค่ GPM% เราสามารถคิดย้อนกลับ ไปเป็นรายได้ และต้นทุนขาย ได้ไหมครับ
เรื่อง ประกัน-ความเสียหายของ โรงงาน-สาขา
[6] ถ้าน้ำท่วม โรงงาน - สาขา สินค้าเสียหาย บริษัทมีการทำประกันเอาไว้ แล้วบริษัทได้รับเงินจากประกัน รายได้อันนี้จะอยู่ตรงไหนของงบครับ CFF รึเปล่าครับ
[7] ถ้ามีการ บำรุงซ่อมแซม สาขา - โรงงานที่เกิดจาก ไฟไหม้,น้ำท่วม, รายจ่ายจากการซ่อมแซมนี้จะมีโชว์ในงบไหมครับ ถ้ามีจะอยู่ส่วนไหนของงบครับ
[8] ถ้าเงินที่ได้จากประกันใช้ในการซ่อมแซมแล้วเหลือ เงินตรงนี้มันจะไปไหนต่อครับ
1. การจ่ายภาษีแต่ละปีจะมีรายการพิเศษ หรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีหลายๆแบบเกิดขึ้นได้ครับ ในอนาคต ไม่สามารถใช้ค่าเฉลี่ยได้นะครับ ต้องสอบถามบริษัทเท่านั้นครับ ถ้าสังเกตเวลาผมถามผบห. หลายๆครั้งผมจะถามเลยครับว่า ปีนี้, ปีหน้า จะมีประโยชน์ทางภาษีหรือไม่ ยกตัวอย่างล่าสุดพุธที่แล้วไป CV D กัน ผมสังเกตว่าปีที่แล้วบริษัทได้ประโยชน์ทางภาษีทำให้เสียภาษี 15% ผมก็ถามต่อว่าจะได้อีกกี่ปี แล้วปีนี้จะเสียภาษีประมาณเท่าไหร่ ปีหน้าจะเหลือเครดิตภาษีอีกเท่าไหร่ อย่างนี้เป็นต้นครับ
2. ถ้าจุดประสงค์ของพนักงานคือเพื่อการผลิต จะอยู่ใน cost ครับ
3. ไม่ได้มีข้อจำกัดแบบไหนว่าดีหรือไม่ดีครับ ทำรายไตรมาสก็ละเอียดมาก แต่ปัญหาก็คือ ต้องหาข้อมูลรายไตรมาสมาประกอบด้วยเช่นกัน ทำรายไตรมาสก็หยาบๆหน่อย ก็แล้วแต่เราจะสะดวกแบบไหนครับ ส่วนตัวผมทำรายปีก็พอเพราะผมมีแพลนถือยาวเป็นหลักครับ ถ้าทำละเอียดมากๆส่วนใหญ่จะเป็นสาย Fundamental Speculator คือเก็งกำไรโดยวิเคราะห์พื้นฐาน
4. ได้ %GPM เราจะเคาะหา ต้นทุนได้นะครับ แต่หารายได้ไม่ได้นะครับ
6. ไม่มั่นใจเหมือนกันครับ แต่เดาว่า CFO นะครับ ><
7. เงินซ่อมแซม ถ้าเป็นสินทรัพย์ ก็จะเป็นเงินลงทุนครับ อยู่ใน CFI และทะยอยรับรู้ค่าเสื่อมตามจุดประสงค์ครับ ถ้าเป็นรายจ่าย ก็จะอยู่ใน Admin ครับ
8. ถ้าได้เงินมาแล้วเหลือเราจะทำอะไรก็ได้ไหมครับ ><
@prapas-b88 อาจารย์ตอบผิด Topic ครับ คำถามอันนั้นเก่ามากแล้วครับ 555 
อันนี้ๆครับ
1.ผมจะทราบได้อย่างไรครับว่าหุ้นที่ผมสนใจกำลังถูก Corner หรือไม่ครับ
ผมแยกไม่ออกระหว่างหุ้นที่กำลังถูก Corner หรือว่าตลาดเห็นการเติบโตที่ชัดเจนและสดใสในอนาคต ราคาจึงวิ่งไปได้มากขนาดนั้น
ผมลองวิเคราะห์ตามความเข้าใจของตัวเอง ผมคิดว่าเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี สามารถเติบโตได้ดี (โตเร็ว)
(Trailing P/E 48-50) | Forward P/E 36-39 2023 ณ ราคาปัจจุบัน To the moon (หรือผมคิดผิดก็ไม่รู้นะครับ55) (อยู่ในกลุ่ม Food&Beverage)
---------------------------------------------
2.ผมจะทราบได้อย่างไรหรืออะไรเป็นตัวชี้วัดว่าการลงทุนของบริษัทนั้นใช้เงินมากเกินไป-น้อยเกินไป-เหมาะสมแล้ว เช่น บริษัททำฟัน ใช้เงิน 450 ลบ. ซื้อที่ดิน-สร้างโรงพยาบาลทำฟัน และ ผู้ผลิตขนม-เครื่องดื่ม ใช้เงิน 600-700 ลบ. ในการสร้างโรงงานผลิต
3.ผมได้ฟัง Oppday Q3 2022 COM7 เขาบอกว่าเขาขายหุ้นบริษัทลูก(Double 7)ให้ SABUYเขาให้เหตุผลว่าจะเอาเงินที่ได้นั้นไปลงทุนต่อยอดขยายธุรกิจเพิ่มเติม แต่ SABUY
ไม่ได้จ่ายเป็นเงินสดจ่ายเป็นหุ้นของ SABUY ในมูลค่า 1,360 M แล้วงี้ COM7 จะเอาเงินไปลงทุนยังไงผมงงครับ
@prapas-b88 อาจารย์ตอบผิด Topic ครับ คำถามอันนั้นเก่ามากแล้วครับ 555
อันนี้ๆครับ
1.ผมจะทราบได้อย่างไรครับว่าหุ้นที่ผมสนใจกำลังถูก Corner หรือไม่ครับ
ผมแยกไม่ออกระหว่างหุ้นที่กำลังถูก Corner หรือว่าตลาดเห็นการเติบโตที่ชัดเจนและสดใสในอนาคต ราคาจึงวิ่งไปได้มากขนาดนั้น
ผมลองวิเคราะห์ตามความเข้าใจของตัวเอง ผมคิดว่าเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี สามารถเติบโตได้ดี (โตเร็ว)
(Trailing P/E 48-50) | Forward P/E 36-39 2023 ณ ราคาปัจจุบัน To the moon (หรือผมคิดผิดก็ไม่รู้นะครับ55) (อยู่ในกลุ่ม Food&Beverage)
---------------------------------------------
2.ผมจะทราบได้อย่างไรหรืออะไรเป็นตัวชี้วัดว่าการลงทุนของบริษัทนั้นใช้เงินมากเกินไป-น้อยเกินไป-เหมาะสมแล้ว เช่น บริษัททำฟัน ใช้เงิน 450 ลบ. ซื้อที่ดิน-สร้างโรงพยาบาลทำฟัน และ ผู้ผลิตขนม-เครื่องดื่ม ใช้เงิน 600-700 ลบ. ในการสร้างโรงงานผลิต
3.ผมได้ฟัง Oppday Q3 2022 COM7 เขาบอกว่าเขาขายหุ้นบริษัทลูก(Double 7)ให้ SABUYเขาให้เหตุผลว่าจะเอาเงินที่ได้นั้นไปลงทุนต่อยอดขยายธุรกิจเพิ่มเติม แต่ SABUY
ไม่ได้จ่ายเป็นเงินสดจ่ายเป็นหุ้นของ SABUY ในมูลค่า 1,360 M แล้วงี้ COM7 จะเอาเงินไปลงทุนยังไงผมงงครับ
เบลอๆ 555+
1. corner ก็มักเป็นหุ้นที่มี free float ต่ำมากๆ และราคาเกินมูลค่าพื้นฐานมากๆครับ วิธีหลีกเลี่ยงง่ายมากครับ ประเมินมูลค่าให้แม่น ถ้าราคาเกินมูลค่าพื้นฐานไป 2-3 ปี เราก็ไม่ควรถืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ปัญหาคือ เราประเมินไม่แม่น หรือไม่ก็เราอยากได้ผลตอบแทนมากเกินจริงครับ เราเลยอยากขายตอนพีคอะไรทำนองนั้น หากเรามีเหตุผลมากพอ และไม่โลภมากเกินไป ราคา overprice 30-40% ผมก็ขายละครับ ดังนั้นผมจึงไม่เคยเจอปัญหาหุ้นลง แต่ทุกๆวิธีมีข้อเสียครับ วิธีของผมก็อาจจะขายหมูได้ ต้องถามตัวเองครับ ว่าเรายอมรับแบบไหนได้ ไม่ได้ครับ ส่วนตัวผมไม่กลัวขายหมู แต่กลัวติดดอยครับ ดังนั้น overprice 30-40% ผมก็ขายเสมอครับ
2. ผมว่าการใช้เงินลงทุน ก็ต้องดูรายละเอียดมากๆครับ เช่น ใช้เงินสด ใช้เงินกู้ หรือเพิ่มทุน ผมว่าเราก็สามารถคำนวณได้อ่ะครับว่าผลตอบแทนของการลงทุนนั้นๆจะเป็นอย่างไร หรือสภาพคล่องจะเป็นอย่างไร net debt ratio จะเป็นเท่าไหร่ ค่าเสื่อมจะเป็นเท่าไหร่กระทบงบการเงินแค่ไหน เป็นต้นครับ
3. 555+ นั่นสิครับ
1. corner ก็มักเป็นหุ้นที่มี free float ต่ำมากๆ และราคาเกินมูลค่าพื้นฐานมากๆครับ วิธีหลีกเลี่ยงง่ายมากครับ ประเมินมูลค่าให้แม่น ถ้าราคาเกินมูลค่าพื้นฐานไป 2-3 ปี เราก็ไม่ควรถืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ปัญหาคือ เราประเมินไม่แม่น หรือไม่ก็เราอยากได้ผลตอบแทนมากเกินจริงครับ เราเลยอยากขายตอนพีคอะไรทำนองนั้น หากเรามีเหตุผลมากพอ และไม่โลภมากเกินไป ราคา overprice 30-40% ผมก็ขายละครับ ดังนั้นผมจึงไม่เคยเจอปัญหาหุ้นลง แต่ทุกๆวิธีมีข้อเสียครับ วิธีของผมก็อาจจะขายหมูได้ ต้องถามตัวเองครับ ว่าเรายอมรับแบบไหนได้ ไม่ได้ครับ ส่วนตัวผมไม่กลัวขายหมู แต่กลัวติดดอยครับ ดังนั้น overprice 30-40% ผมก็ขายเสมอครับ
เหมือนอาจารย์รู้อะว่าผมพูดถึงตัวๆไหน 55+ ใช่ครับตามที่ผมทำเอาไว้คร่าวๆเกินไป 2-3 ปีเลยครับ(ตามรูปที่แนบไปอันไหนผิดเพี้ยนไปเยอะแนะนำด้วยนะครับ)
แต่ตอนนี้ผมยังหาตัวที่ราคาถูกยังไม่เจอเลยครับมีแต่แพงๆ MOS 8-15%เอง ผมอาจจะดูไม่ทั่วถึงแต่มีตัวนึงที่ผมสนใจอยู่มี MOS แต่มันเป็นโตกลางและผมยังไม่ได้ความชัดเจนว่าเขาจะสร้าง รพ.ใหม่หรือไม่ (โทรหา IR แล้วติดคู่สายทั้งวัน)เลยต้องรอถามใน oppday
(ผมไม่ได้ต่อเมมเบอร์ตั้งแต่สิ้นปีเลยรู้สึกเคว้งคว้างเหมือนลอยอยู่กลางทะเลหาขอบฝั่งยังไม่เจอไม่มีกัปตันคอยชี้ทิศทางผมเลยต้องพยายาม Servive เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในทะเลแห่งนี้ให้ได้)
ปล.ตามภาพที่แนบไปทั้ง 2 หากผิดเพี้ยนหรือโอเวอร์เกินไปชี้แนะให้ผมด้วยครับผมกำลังพยายามทำให้ถูกครับ ยังไม่แม่นๆ
2. ผมว่าการใช้เงินลงทุน ก็ต้องดูรายละเอียดมากๆครับ เช่น ใช้เงินสด ใช้เงินกู้ หรือเพิ่มทุน ผมว่าเราก็สามารถคำนวณได้อ่ะครับว่าผลตอบแทนของการลงทุนนั้นๆจะเป็นอย่างไร หรือสภาพคล่องจะเป็นอย่างไร net debt ratio จะเป็นเท่าไหร่ ค่าเสื่อมจะเป็นเท่าไหร่กระทบงบการเงินแค่ไหน เป็นต้นครับ
**ผมขอตัวอย่างและวิธีการคำนวนได้มั้ยครับ**
ผลตอบแทนของการลงทุนนั้นๆจะเป็นอย่างไร
สภาพคล่องจะเป็นอย่างไร
net debt ratio จะเป็นเท่าไหร่
ค่าเสื่อมจะเป็นเท่าไหร่
ผมถามมากไปหรอครับเว็บมองผมเป็น สแปม 555
Latest Post: EKH Our newest member: Pailin Chituatrakool Recent Posts Unread Posts
