1. corner ก็มักเป็นหุ้นที่มี free float ต่ำมากๆ และราคาเกินมูลค่าพื้นฐานมากๆครับ วิธีหลีกเลี่ยงง่ายมากครับ ประเมินมูลค่าให้แม่น ถ้าราคาเกินมูลค่าพื้นฐานไป 2-3 ปี เราก็ไม่ควรถืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ปัญหาคือ เราประเมินไม่แม่น หรือไม่ก็เราอยากได้ผลตอบแทนมากเกินจริงครับ เราเลยอยากขายตอนพีคอะไรทำนองนั้น หากเรามีเหตุผลมากพอ และไม่โลภมากเกินไป ราคา overprice 30-40% ผมก็ขายละครับ ดังนั้นผมจึงไม่เคยเจอปัญหาหุ้นลง แต่ทุกๆวิธีมีข้อเสียครับ วิธีของผมก็อาจจะขายหมูได้ ต้องถามตัวเองครับ ว่าเรายอมรับแบบไหนได้ ไม่ได้ครับ ส่วนตัวผมไม่กลัวขายหมู แต่กลัวติดดอยครับ ดังนั้น overprice 30-40% ผมก็ขายเสมอครับ
เหมือนอาจารย์รู้อะว่าผมพูดถึงตัวๆไหน 55+ ใช่ครับตามที่ผมทำเอาไว้คร่าวๆเกินไป 2-3 ปีเลยครับ(ตามรูปที่แนบไปอันไหนผิดเพี้ยนไปเยอะแนะนำด้วยนะครับ)
แต่ตอนนี้ผมยังหาตัวที่ราคาถูกยังไม่เจอเลยครับมีแต่แพงๆ MOS 8-15%เอง ผมอาจจะดูไม่ทั่วถึงแต่มีตัวนึงที่ผมสนใจอยู่มี MOS แต่มันเป็นโตกลางและผมยังไม่ได้ความชัดเจนว่าเขาจะสร้าง รพ.ใหม่หรือไม่ (โทรหา IR แล้วติดคู่สายทั้งวัน)เลยต้องรอถามใน oppday
(ผมไม่ได้ต่อเมมเบอร์ตั้งแต่สิ้นปีเลยรู้สึกเคว้งคว้างเหมือนลอยอยู่กลางทะเลหาขอบฝั่งยังไม่เจอไม่มีกัปตันคอยชี้ทิศทางผมเลยต้องพยายาม Servive เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในทะเลแห่งนี้ให้ได้)
ปล.ตามภาพที่แนบไปทั้ง 2 หากผิดเพี้ยนหรือโอเวอร์เกินไปชี้แนะให้ผมด้วยครับผมกำลังพยายามทำให้ถูกครับ ยังไม่แม่นๆ
2. ผมว่าการใช้เงินลงทุน ก็ต้องดูรายละเอียดมากๆครับ เช่น ใช้เงินสด ใช้เงินกู้ หรือเพิ่มทุน ผมว่าเราก็สามารถคำนวณได้อ่ะครับว่าผลตอบแทนของการลงทุนนั้นๆจะเป็นอย่างไร หรือสภาพคล่องจะเป็นอย่างไร net debt ratio จะเป็นเท่าไหร่ ค่าเสื่อมจะเป็นเท่าไหร่กระทบงบการเงินแค่ไหน เป็นต้นครับ
**ผมขอตัวอย่างและวิธีการคำนวนได้มั้ยครับ**
ผลตอบแทนของการลงทุนนั้นๆจะเป็นอย่างไร
สภาพคล่องจะเป็นอย่างไร
net debt ratio จะเป็นเท่าไหร่
ค่าเสื่อมจะเป็นเท่าไหร่
ผมถามมากไปหรอครับเว็บมองผมเป็น สแปม 555
1. ไฟล์แรกผมก็ไม่ได้ประเมินละเอียดนะครับ ผมขอไม่คอมเม้นท์ละกัน ส่วนไฟล์ที่สอง กำไรก็ไม่ถึงกับต่างกันมากครับ ผมอาจจะให้รายได้โตมากกว่าหน่อยครับ
2. มันพูดยากอยู่ครับ มันแล้วแต่ธุรกิจด้วยอ่ะครับ มันมีหลาย factor ประกอบกัน แล้วก็ใช้ความรู้สึก หรือศิลปะเสียเยอะครับ เพราะจริงๆแล้วมันไม่มีหรอกครับคำว่า มากเกินไป น้อยเกินไป มันมีแต่คำว่า "เราเข้าใจมากแค่ไหน" "เรายอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน" อ่ะครับ
ปล. ไม่หรอกครับ พอดีมีต่างชาติเข้ามา spam เว็บบอร์ดเราแทบทุกวันเลยครับ เลยต้องตั้งค่าให้เข้มงวดเพิ่มขึ้นป้องกัน spam ครับ ต้องขอโทษในความไม่สะดวกด้วยนะคร้าบ ^ ^
@prapas-b88 ขอบคุณครับ
ตามรูปที่ผมแนบไปตัวเลขติดลบหมายถึงอย่างไรครับ
จ่ายมากขึ้นYoY หรือ จ่ายลดลงYoY
และมันสะท้อนถึงอะไรได้บ้างครับ
@prapas-b88 ขอบคุณครับ
ตามรูปที่ผมแนบไปตัวเลขติดลบหมายถึงอย่างไรครับ
จ่ายมากขึ้นYoY หรือ จ่ายลดลงYoY
และมันสะท้อนถึงอะไรได้บ้างครับ
จ่ายลดก็หมายถึงกำลังซื้อลดอ่ะครับ
@prapas-b88 ช่วงนี้ที่งบออกมาหลายบริษัทแล้วบางตัวงบออกมาดีเกินคาด(ไม่มีกำไรพิเศษ) แต่ทำไมราคาไม่ขยับเลยครับยังอยู่ที่เดิม PE ก็ไม่ได้สูงมาก และส่วนใหญ่หุ้นที่พื้นฐานดีๆงบออกมาแย่แต่ราคาดันขึ้นหรือคงเดิม ตรงนี้ผมไม่เข้าใจเลยครับมันเป็นเพราะอะไรครับ
ขอบคุณครับ 🙏🙏
@prapas-b88 ช่วงนี้ที่งบออกมาหลายบริษัทแล้วบางตัวงบออกมาดีเกินคาด(ไม่มีกำไรพิเศษ) แต่ทำไมราคาไม่ขยับเลยครับยังอยู่ที่เดิม PE ก็ไม่ได้สูงมาก และส่วนใหญ่หุ้นที่พื้นฐานดีๆงบออกมาแย่แต่ราคาดันขึ้นหรือคงเดิม ตรงนี้ผมไม่เข้าใจเลยครับมันเป็นเพราะอะไรครับ
ขอบคุณครับ 🙏🙏
คำว่า "ดีเกินคาด" นี่ เกินใครคาดเหรอครับ
จริงๆผมว่าเราต้องเข้าใจมุมมองของตลาดนะครับว่า
ตลาดจะรับข้อมูลหลักคือ "บทวิเคราะห์" ดังนั้นคำว่า "ตลาดคาด" จะหมายถึง "บทวิเคราะห์" ครับ
ดังนั้น การที่งบออกมา ดีกว่า หรือ แย่กว่าคาด ต้องเทียบกับ "บทวิเคราะห์" เสมอครับ ไม่ใช่ที่เราคาดเองนะครับ
และผมค้นพบว่าตลาดจะ react เสมอนะครับ เช่น ดีกว่าคาด ราคาก็ขึ้น แย่กว่าคาด ราคาก็ลงเสมอครับ
ยังไม่เคยเห็นว่าตลาดไม่ react นะครับ เลยสงสัยว่า คำว่า "ดีกว่าคาด" นี่หมายถึงใครคาด
@prapas-b88 แล้วกรณีที่บทวิเคราะห์ในหลายๆโบรคคาดกำไรที่เท่าๆกัน
งบออกมาก็เป็นตามที่เขาคาดกันแต่หลังจากงบออก ราคาร่วงเป็นมะม่วงเลยครับ(-7-8%) (วันนี้เห็นแวบๆมีอยู่ตัวนึงใน Watchlist ของผม)
อย่างนี้เป็นเพราะอะไรครับ ตลาดผิดหวังอะไรครับ การเก็งกำไรเกี่ยวมั้ยครับ
@prapas-b88 แล้วกรณีที่บทวิเคราะห์ในหลายๆโบรคคาดกำไรที่เท่าๆกัน
งบออกมาก็เป็นตามที่เขาคาดกันแต่หลังจากงบออก ราคาร่วงเป็นมะม่วงเลยครับ(-7-8%) (วันนี้เห็นแวบๆมีอยู่ตัวนึงใน Watchlist ของผม)
อย่างนี้เป็นเพราะอะไรครับ ตลาดผิดหวังอะไรครับ การเก็งกำไรเกี่ยวมั้ยครับ
ผมมั่นใจว่าต้องมีประเด็นต่างหากนะครับ เช่น เรื่องอื่นๆ หรือ sentiment ตลาด เป็นต้นครับ
แต่ส่วนตัวผมแนะนำว่า focus การ valuation ให้แม่นยำ ลงทุนเมื่อ mos สูงๆ ก็จะช่วยลดปัญหาแล้วครับ
ป่วยการที่จะมานั่งเดาตลาดนะครับ
การเลือกตั้งมีผลต่อตลาดหุ้นและหุ้นรายตัวในด้านดี-เสียยังไงเพราะอะไรครับ
และที่ผ่านๆมาก็มีผลกระทบเสมอมั้ยครับ
ขอบคุณครับ
การเลือกตั้งมีผลต่อตลาดหุ้นและหุ้นรายตัวในด้านดี-เสียยังไงเพราะอะไรครับ
และที่ผ่านๆมาก็มีผลกระทบเสมอมั้ยครับ
ขอบคุณครับ
หลักๆคือการใช้งบประมาณครับ ถ้าช่วงนี้เรียกว่าเป็น "เกียร์ว่าง" คือจะยังไม่มีการใช้งบประมาณ
จึงทำให้มีผลกระทบต่อบริษัทที่มีลูกค้าเป็นหน่วยงานภาครัฐครับ ไม่มีงานกันถ้วนหน้าครับ
แต่แน่นอนว่าหลังเลือกตั้ง ก็จะเป็นจังหวะที่ดีครับเพราะเงินก็จะอัดฉีดออกมา
แต่ก็มีความเสี่ยงในการจัดตั้งรัฐบาลด้วยครับ ว่าจะราบรื่นไหม
ส่วนเรื่องอื่นๆก็เช่นขั้วการเมือง อันนี้ก็ต้องมาดูกันครับว่าบริษัทไหนมีขั้วการเมืองที่ชัดเจนไหมก็จะได้รับผลกระทบที่ตรงกข้ามกันไปครับ
- 1.การรับรู้ค่าใช้จ่ายพนักงานก่อนเปิดสาขาหมายความว่ายังไงครับ
2.การรับรู้ค่าใช้จ่ายพนักงานก่อนเปิดสาขาพวกที่เป็นค้าปลีก-มีสาขาเปิดใหม่ เป็นแบบนี้หมดไหมครับ
2.1พวกที่ตั้งโรงงานใหม่มีค่าใช้จ่ายข้างต้นด้วยไหมครับ
3.utilization ของ DC ก็คือ พื้นที่ในการเก็บสินค้าใช่มั้ยครับ
4.สำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงานลดลงประมาณ 45% สะท้อนถึงอะไรได้บ้างครับและการลดลงเยอะขนาดนี้มันนัยสำคัญอะไรรึป่าวครับ
4.1 สำรองข้างต้นที่ลดลงเงินตรงนั้นจะไหลไปที่กำไรมั้ยครับหรือไปไหนครับ
ขอบคุณครับ
ผมมีคำถามครับ อาจารย์
[1] รายจ่ายTaxไม่เท่ากัน ปีแรก 15% ปีสอง 17% ปีสามลดลงเหลือ 14% แบบนี้เราจะคิดยังไง-เราจะรู้ได้อย่างไรอนาคต มันจะเพิ่มหรือลดลง-คงที่ หรือใช้ค่าเฉลี่ยครับ
[2] การตั้งโรงงานแห่งใหม่ ถ้ามีการเพิ่มพนักงานดูแลเครื่องจักร,พนักงานตรวจสอบสินค้า,พนักงานอื่นๆ รายจ่ายส่วนนี้จะอยู่ที่ไหนครับ
เรื่อง Financial Projection
[3] การทำ Financial Projection เราควรทำเป็นราย ไตรมาส | 1H - 2H | รายปี ดีครับ
[4] ถ้าหากเราถามผู้บริหารแล้วได้มาแค่ GPM% เราสามารถคิดย้อนกลับ ไปเป็นรายได้ และต้นทุนขาย ได้ไหมครับ
เรื่อง ประกัน-ความเสียหายของ โรงงาน-สาขา
[6] ถ้าน้ำท่วม โรงงาน - สาขา สินค้าเสียหาย บริษัทมีการทำประกันเอาไว้ แล้วบริษัทได้รับเงินจากประกัน รายได้อันนี้จะอยู่ตรงไหนของงบครับ CFF รึเปล่าครับ
[7] ถ้ามีการ บำรุงซ่อมแซม สาขา - โรงงานที่เกิดจาก ไฟไหม้,น้ำท่วม, รายจ่ายจากการซ่อมแซมนี้จะมีโชว์ในงบไหมครับ ถ้ามีจะอยู่ส่วนไหนของงบครับ
[8] ถ้าเงินที่ได้จากประกันใช้ในการซ่อมแซมแล้วเหลือ เงินตรงนี้มันจะไปไหนต่อครับ
1. เราไม่มีทางนั่งเทียนนึกขึ้นมาเองได้หรอกครับ ต้องถาม ir หรือผบห.ใน oppday ครับว่าบริษัทมีประโยชน์ทางภาษีอะไรบ้างครับ
2. ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของรายจ่ายครับ ถ้าจุดประสงค์นั้นเพื่อผลิตสินค้าก็อยู่ใน cost ครับ
3. แล้วแต่เลยครับ ถ้าอยากเก็งกำไรก็ทำรายไตรมาสครับ ถ้าอยากลงทุนระยะยาวก็ทำรายปีครับ
4. ไม่ได้ครับ บริษัทบอก GPM 50% แล้วจะหารายได้ยังไงครับ
อาจารย์ผิด Topic อีกแล้วครับ 55 😆 (ผมเป็นห่วงอาจารย์จังเลยครับดูแลสุขภาพด้วยนะครับ)
อันนี้ครับ vvv
1.การรับรู้ค่าใช้จ่ายพนักงานก่อนเปิดสาขาหมายความว่ายังไงครับ
2.การรับรู้ค่าใช้จ่ายพนักงานก่อนเปิดสาขาพวกที่เป็นค้าปลีก-มีสาขาเปิดใหม่ เป็นแบบนี้หมดไหมครับ
2.1พวกที่ตั้งโรงงานใหม่มีค่าใช้จ่ายข้างต้นด้วยไหมครับ
3.utilization ของ DC ก็คือ พื้นที่ในการเก็บสินค้าใช่มั้ยครับ
4.สำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงานลดลงประมาณ 45% สะท้อนถึงอะไรได้บ้างครับและการลดลงเยอะขนาดนี้มันนัยสำคัญอะไรรึป่าวครับ
4.1 สำรองข้างต้นที่ลดลงเงินตรงนั้นจะไหลไปที่กำไรมั้ยครับหรือไปไหนครับ
ขอบคุณครับ
อาจารย์ผิด Topic อีกแล้วครับ 55 😆 (ผมเป็นห่วงอาจารย์จังเลยครับดูแลสุขภาพด้วยนะครับ)
อันนี้ครับ vvv
1.การรับรู้ค่าใช้จ่ายพนักงานก่อนเปิดสาขาหมายความว่ายังไงครับ
2.การรับรู้ค่าใช้จ่ายพนักงานก่อนเปิดสาขาพวกที่เป็นค้าปลีก-มีสาขาเปิดใหม่ เป็นแบบนี้หมดไหมครับ
2.1พวกที่ตั้งโรงงานใหม่มีค่าใช้จ่ายข้างต้นด้วยไหมครับ
3.utilization ของ DC ก็คือ พื้นที่ในการเก็บสินค้าใช่มั้ยครับ
4.สำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงานลดลงประมาณ 45% สะท้อนถึงอะไรได้บ้างครับและการลดลงเยอะขนาดนี้มันนัยสำคัญอะไรรึป่าวครับ
4.1 สำรองข้างต้นที่ลดลงเงินตรงนั้นจะไหลไปที่กำไรมั้ยครับหรือไปไหนครับ
ขอบคุณครับ
เออ เบลอจริงๆ ทำไมผมเห็นแบบนั้นได้ ขอโทษทีครับ 555+
1. การเปิดสาขาใหม่ก็ต้องจ้างพนักงานมาเทรนก่อนจริงๆไหมครับ รวมถึงซื้อสินค้ามาลงก่อน เติมน้ำมันรถก่อน เทสระบบซึ่งอาจมีค่าน้ำ ค่าไฟก่อนเป็นต้นครับ
2. เป็นเหมือนกันทุกธุรกิจครับ อย่าง atp30 ก็ต้องซื้อรถก่อน, เติมน้ำมันก่อน จ้างพขร.ก่อน เหมือนกันครับ
2.1 มีเหมือนกันครับ
3. ใช่ครับ
4. ต้องเข้าใจเรื่องการตั้งสำรองผลประโยชน์ระยะยาวก่อนครับว่ามันคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น พนักงานอยู่มาสิบปีขึ้นไป บริษัทต้องตั้งสำรองผลประโยชน์หลังเกษียณของพนักงานทุกคนครับ
ทีนี้ การตั้งมากตั้งน้อย ขึ้นอยู่กับอายุงานของพนักงานเลยครับ ปีที่ตั้งเยอะ ก็แปลว่า มีพนักงานอายุงานถึงเกณฑ์การตั้งเยอะขึ้นนั่นเอง
การตั้งน้อยลงก็แปลว่าคนที่อายุงานเยอะๆตั้งไปหมดแล้วครับ เหลือแต่อายุงานน้อยๆครับ
4.1 กำไรครับ เพราะมันคือรายจ่ายในอนาคต ที่บริษัทต้องตั้งไว้ล่วงหน้าครับ
2. u rate ต่ำก็ economy of scale ต่ำครับ อัตรากำไรต่ำ แต่ถ้าเพิ่มได้ ก็จะทำให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นมากครับ
อาจารย์ครับ ถ้า U rate สูงยิ่งดีทำให้มี economy of scale มาก GPMสูง ทำไมเขาไม่ใช้กำลังผลิตให้เต็ม 100% ไปเลยละครับ (ผมเห็นส่วนใหญ่ก็ 60-80%)
ขอบคุณครับ
2. u rate ต่ำก็ economy of scale ต่ำครับ อัตรากำไรต่ำ แต่ถ้าเพิ่มได้ ก็จะทำให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นมากครับ
อาจารย์ครับ ถ้า U rate สูงยิ่งดีทำให้มี economy of scale มาก GPMสูง ทำไมเขาไม่ใช้กำลังผลิตให้เต็ม 100% ไปเลยละครับ (ผมเห็นส่วนใหญ่ก็ 60-80%)
ขอบคุณครับ
ผมว่าเราอาจยังไม่เข้าใจปัญหาที่ถูกต้องครับ อิอิ
ปัญหาจริงๆคือการคิด "Capacity" ครับ บริษัทส่วนใหญ่คำนวณ Capacity ตาม Spec. เครื่องจักร เช่น เครื่องจักรสามารถผลิตได้ 1 หมื่นขวดต่อนาที 1 วันทีกี่นาที ก็จับคูณไป แต่ในความเป็นจริง ไม่สามารถทำได้แบบนั้นจริงๆ สุดท้ายจึงมี u rate ไม่เคยถึงร้อยครับ
แต่บางบริษัทก็อาจจะคิด capacity ตามจริงได้ครับ ดังนั้นเราจึงเห็นบางบริษัทมี u rate เต็มร้อยได้
ดังนั้น หัวใจไม่ใช่เพียงการดู u rate ครับ แต่ต้องเข้าใจวิธีคำนวณ capacity ด้วยก่อนครับ สำคัญกว่า u rate ครับ
Latest Post: EKH Our newest member: Pailin Chituatrakool Recent Posts Unread Posts
